พระเจ้ามันธาตุราช
ปกครองทวีปทั้ง ๔ ..จาตุมหาราชิกา.. และดาวดึงส์
วันหนึ่งขณะทรงทดสอบกําลังพระบารมีของพระองค์เอง ทรงปรบพระหัตถ์เพื่อเรียกฝนรัตนชาติ ทันใดนั้นเอง ฝนรัตนะ ๗ ประการก็ตกลงมาจากอากาศ ทําให้ทั่วภาคพื้นปฐพีเต็มไปด้วยรัตนชาติสูงท่วมหัวเข่า เป็นสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง บรรดาสมบัติทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกมนุษย์นี้ พระองค์ทรงมีทุกอย่างเลิศที่สุด
แต่พระองค์ก็ยังไม่พอพระทัยจึงตรัสถามมหาอํามาตย์ว่า
แต่พระองค์ก็ยังไม่พอพระทัยจึงตรัสถามมหาอํามาตย์ว่า
“สิ่งที่ทําความเพลิดเพลินในโลกนี้ เรามีพร้อมหมดแล้ว สุดยอดแห่งเบญจกามคุณทั้งหลาย เราได้ครอบครองแล้ว ยังมีที่ใดอีก ที่จะยังความสําราญให้แก่เราได้ นอกเหนือจากในโลกมนุษย์นี้
มหาอํามาตย์ขุนพลแก้วกราบทูลว่า “สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พระเจ้าข้า น่ารื่นรมย์กว่าโลกมนุษย์นี้” พระองค์ ทรงเห็นชอบด้วย จึงทรงจักรแก้วพร้อมด้วยมหาอํามาตย์ ข้าราชบริพารเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เมื่อเสด็จไปถึง ท้าวมหาราชทั้ง ๔ เสด็จมาต้อนรับปฏิสันถารอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทูลเชิญให้เถลิงสิริมหาสมบัติในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
แต่ถึงกระนั้นนานวันเข้าพระองค์ทรงเบื่อหน่ายในเบญจ กามคุณอันเป็นทิพย์ในชั้นจาตุมหาราชิกา จึงตรัสถามมหาราช ทั้ง ๔ ว่า “ความสุขสําราญที่ยิ่งกว่าสวรรค์ชั้นนี้มีไหม” ท้าวมหาราชตรัสตอบว่า “มีพระเจ้าข้า ชั้นดาวดึงส์น่ารื่นรมย์ กว่านี้” พระองค์จึงอําลาท้าวมหาราช ๔ เดินทางไปยังดาวดึงส์เทวโลก
เมื่อไปถึงดาวดึงส์เทวสถาน ท้าวสักกเทวราชพร้อมด้วย เทพบุตร เทพธิดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ทรงมาให้การต้อนรับปฏิสันถาร ท้าวสักกะทรงรู้ความประสงค์ของพระโพธิสัตว์ จึงแบ่งทิพยสมบัติในดาวดึงส์ให้ปกครองครึ่งหนึ่ง
ตั้งแต่นั้นมาพระโพธิสัตว์กับท้าวสักกเทวราชต่างเสวย ทิพยสมบัติร่วมกัน พระโพธิสัตว์เสวยทิพยสมบัติยาวนานถึง ๓ โกฏิ 5 หมื่นปี ในระหว่างนี้ได้มีท้าวสักกเทวราชจุติ และอุบัติ ขึ้นใหม่ผ่านไปถึง ๓๖ พระองค์
เมื่อพระโพธิสัตว์ได้รับความสุขสบายในเทวโลก ก็เกิด
ความทะยานอยากขึ้นอีก ปรารถนาจะได้ความเป็นใหญ่แต่ เพียงผู้เดียว ทรงมีดําริที่จะปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทั้งหมด จึงคิดหาอุบายที่จะปลงพระชนม์ท้าวสักกะ แต่ไม่สามารถทําได้ ยิ่งคิดวรรณะยิ่งหมองคล้ำ ทําให้รู้สึกอึดอัดพระทัย จึงเกิดโทสะอย่างแรงกล้าขึ้นภายในใจ ทันใดนั้นความชราภาพปรากฏขึ้นมา พระวรกายก็ซูบซีด เศร้าหมอง แล้วร่วงพลัดตกลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงไปอยู่ พระราชอุทยานของพระองค์ทันที
นายอุทยานเห็นดังนั้นรีบนําความไปกราบทูลราชตระกูล ราชตระกูลพากันมาเข้าเฝ้า และจัดที่บรรทมถวายในพระราชอุทยาน พระโพธิสัตว์ทรงได้สํานึก จึงให้ป่าวประกาศไปทั่วทั้งทวีป ให้มหาชนมาฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระองค์ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สอนใจแก่มหาชนว่า
“ท่านทั้งหลายจงดูเราผู้กําลังจะละสังขารไป เราได้ เสวยมหาสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง เสวยทิพยสมบัติทั้งใน สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์อยู่ตลอดกาลนาน แต่ความปรารถนาในเบญจกามคุณก็ยังไม่เพียงพอ เรามีจิตคิด ประทุษร้ายจึงพลัดตกลงมาอย่างน่าอนาถ ขอท่านทั้งหลายจง อย่าได้ขวนขวายในเบญจกามคุณเลย ขึ้นชื่อว่าเบญจกามคุณ ทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้และในเทวโลก เพราะยากที่จะทําให้เต็มอิ่มได้
ขอท่านทั้งหลายจงละตัณหา ความทะยานอยาก แล้วประพฤติธรรมให้บริบูรณ์เถิด จะได้มีสุคติภพอันวิเศษเป็นที่ไป” เมื่อสิ้น สุดพระโอวาท พระโพธิสัตว์ก็สวรรคตและเสด็จไปตาม ยถากรรมของพระองค์
จะเห็นได้ว่า ตัณหา ความทะยานอยากนั้นเป็นภัยและ เป็นทุกข์ใหญ่หลวง ที่ทําให้ผู้มีบุญตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ต้องตกอยู่ในวังวนของสังสารวัฏ ต้องเวียนว่ายตายเกิดกัน ไปไม่มีวันสิ้นสุด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เรา ละตัณหาความทะยานอยาก ให้มีความสันโดษ พอใจในสิ่งที่ตน มีอยู่ จะได้ไม่ตกเป็นทาสของตัณหา เพราะตัณหาเป็นเครื่อง เหนี่ยวรั้งให้อยู่ในภพสาม จะหลุดจะพ้นได้ต้องสละ ปลด ปล่อย วาง ไม่ยึดติดในสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่มีใจมุ่งตรง ต่อหนทางพระนิพพานเท่านั้น
จากธรรมประชาชน ฉบับ สารธรรม ๓
สาธุ ขอกราบขอบพระคุณและขอกราบอนุโมทนาบุญที่นำเรื่องชาดกที่น่าสนใจและมีประโยชน์อย่างยิ่ง มาอธิบายอย่างละเอียด ทำให้เห็นอันตรายของเบญจกามคุณ สาธุ
ตอบลบ