วิโรจนชาดก - สุนัขจิ้งจอกอยากเป็นผู้นำ
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ ทรงปรารภพระเทวทัต ผู้แสดงท่าทางอย่างพระองค์ ได้ตรัสเล่าความเป็นไปในอดีตว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นราชสีห์ อาศัยอยู่ในถ้ำทองในป่าหิมพานต์ วันหนึ่ง ออกจากถ้ำทองไปหาอาหาร ได้กระบือใหญ่ตัวหนึ่ง กินเนื้อแล้วไปดื่มน้ำที่สระแห่งหนึ่ง
ในขณะที่เดินกลับถ้ำ ได้พบสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งในระหว่างทาง สุนัขจิ้งจอกจึงขออาสาเป็นผู้รับใช้ราชสีห์ด้วยความกลัวตาย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สุนัขจิ้งจอกก็ได้กินเนื้อเดนราชสีห์อย่างอิ่มหนำสำราญ มันมีหน้าที่ขึ้นยอดเขาไปดูสัตว์ที่จะเป็นอาหาร แล้วกลับลงมาบอกพระยาราชสีห์ว่า
ในขณะที่เดินกลับถ้ำ ได้พบสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งในระหว่างทาง สุนัขจิ้งจอกจึงขออาสาเป็นผู้รับใช้ราชสีห์ด้วยความกลัวตาย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สุนัขจิ้งจอกก็ได้กินเนื้อเดนราชสีห์อย่างอิ่มหนำสำราญ มันมีหน้าที่ขึ้นยอดเขาไปดูสัตว์ที่จะเป็นอาหาร แล้วกลับลงมาบอกพระยาราชสีห์ว่า
" ข้าพเจ้า อยากกินเนื้ออย่างโน้น นายท่าน จงแผดเสียงเถิด " พระยาราชสีห์ก็จะไปจับสัตว์ตัวนั้นมาเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อนานาชนิดหรือแม้กระทั่งช้าง
ครั้นเวลาผ่านไปหลายปี สุนัขจิ้งจอก ชักกำเริบเกิดความคิดว่า
" แม้ตัวเรา ก็เป็นสัตว์ มี ๔ เท้าเหมือนกัน เหตุใด จะให้ผู้อื่นเลี้ยงอยู่ทุกวันเล่า นับแต่นี้เป็นต้นไป เราจะฆ่าช้างเป็นอาหารกินเนื้อเอง แม้แต่ ราชสีห์ก็เพราะอาศัยเราบอกว่านายขอรับ เชิญท่านแผดเสียงเถิด เท่านั้น ก็จึงฆ่าสัตว์ต่างๆได้ ต่อแต่นี้ เราจะให้ราชสีห์พูดกับเราบ้าง " ได้เข้าไปหาราชสีห์แล้วบอกเรื่องนั้น
" แม้ตัวเรา ก็เป็นสัตว์ มี ๔ เท้าเหมือนกัน เหตุใด จะให้ผู้อื่นเลี้ยงอยู่ทุกวันเล่า นับแต่นี้เป็นต้นไป เราจะฆ่าช้างเป็นอาหารกินเนื้อเอง แม้แต่ ราชสีห์ก็เพราะอาศัยเราบอกว่านายขอรับ เชิญท่านแผดเสียงเถิด เท่านั้น ก็จึงฆ่าสัตว์ต่างๆได้ ต่อแต่นี้ เราจะให้ราชสีห์พูดกับเราบ้าง " ได้เข้าไปหาราชสีห์แล้วบอกเรื่องนั้น
แม้ถูกพระยาราชสีห์พูดเยาะเย้ยว่า " เป็นไปไม่ได้ "
ก็ตามคงเซ้าซี้อยู่นั่นเอง พระยาราชสีห์เมื่อไม่อาจห้ามมันได้ ก็รับคำให้สุนัขจิ้งจอกนอนในที่นอนของตน แล้วไปคอยดูช้างตกมันที่เชิงเขา พบแล้วก็กลับเข้ามาบอกสุนัขจิ้งจอกว่า
" จิ้งจอกเอ๋ย เชิญแผดเสียงเถิด "
ก็ตามคงเซ้าซี้อยู่นั่นเอง พระยาราชสีห์เมื่อไม่อาจห้ามมันได้ ก็รับคำให้สุนัขจิ้งจอกนอนในที่นอนของตน แล้วไปคอยดูช้างตกมันที่เชิงเขา พบแล้วก็กลับเข้ามาบอกสุนัขจิ้งจอกว่า
" จิ้งจอกเอ๋ย เชิญแผดเสียงเถิด "
สุนัขจิ้งจอก ออกจากถ้ำทอง สลัดกาย มองทิศทั้ง ๔ หอนขึ้นสามคาบ วิ่งกระโดดเข้างับช้างหวังที่ก้านคอช้าง กลับพลาดไปตกที่ใกล้เท้าช้าง ช้างจึงยกเท้าขวาขึ้นไปเหยียบหัวจิ้งจอก จนหัวกะโหลกแตกเป็นจุน แล้วเอาเท้าคลึงร่างของมันทำเป็นกองไว้แล้วเยี่ยวรดข้างบน ร้องกัมปนาทเข้าป่าไป
พญาราชสีห์เห็นเช่นนั้นแล้ว จึงกล่าวคาถานี้ว่า....
พญาราชสีห์เห็นเช่นนั้นแล้ว จึงกล่าวคาถานี้ว่า....
" มันสมองของเจ้าทะลักออกมา กระหม่อมของเจ้าก็ถูกทำลาย
ซี่โครงของเจ้า ก็หักหมดแล้ว วันนี้ เจ้าช่างรุ่งโรจน์เหลือเกิน "
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ....
-ให้รู้จักประมาณกำลังตัวเอง ...อย่าคิดอะไร เกินกำลังความสามารถของตัวเอง
-การเป็นใหญ่ได้นั้น ต้องสั่งสมบุญ บารมี มามาก พญาราชสีห์ พระโพธิสัตว์ สั่งสมบุญบารมีมากมาก จึงเป็นเจ้าป่า มีกำลังมาก สัตว์อื่นสู้ไม่ได้
-เมื่อโดนทักท้วง ควรหันกลับมาดูว่า ...เขาทักท้วงด้วยความหวังดีหรือไม่ ถ้าด้วยความหวังดีแล้ว เราควรเชื่อ และทำตามแต่โดยดี เหมือนสุนัขจิ้งจอก ถ้าเชื่อพญาราชสีห์ ก็คงไม่ถึงซึ่งความตายอย่างแน่นอน
-ให้รู้จักประมาณกำลังตัวเอง ...อย่าคิดอะไร เกินกำลังความสามารถของตัวเอง
-การเป็นใหญ่ได้นั้น ต้องสั่งสมบุญ บารมี มามาก พญาราชสีห์ พระโพธิสัตว์ สั่งสมบุญบารมีมากมาก จึงเป็นเจ้าป่า มีกำลังมาก สัตว์อื่นสู้ไม่ได้
-เมื่อโดนทักท้วง ควรหันกลับมาดูว่า ...เขาทักท้วงด้วยความหวังดีหรือไม่ ถ้าด้วยความหวังดีแล้ว เราควรเชื่อ และทำตามแต่โดยดี เหมือนสุนัขจิ้งจอก ถ้าเชื่อพญาราชสีห์ ก็คงไม่ถึงซึ่งความตายอย่างแน่นอน
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ 1 โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม
เรื่องที่ 3 ในกกัณฏกวรรค หน้า 569 -573 พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่มที่ 3 ภาคที่ 2
เรื่องที่ 3 ในกกัณฏกวรรค หน้า 569 -573 พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่มที่ 3 ภาคที่ 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น