กุลาวกชาดก
ชาดกว่าด้วยการเสียสละ
ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้ดื่มน้ำที่ไม่ได้กรอง จึงตรัสพระธรรมเทศนาดังนี้ ภิกษุหนุ่มสองสหายออกเดินทางจากชนบทเพื่อไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภิกษุรูปหนึ่งมีเครื่องกรองน้ำซึ่งเป็นอัฐบริขาร ส่วนอีกรูปหนึ่งนั้นไม่มี ทั้งสองรูปจึงใช้เครื่องกรองน้ำดื่มร่วมกัน
วันหนึ่งภิกษุทั้งสองรูปเกิดมีปัญหาโต้เถียงกัน ภิกษุผู้เป็นเจ้าของเครื่องกรองน้ำจึงไม่ให้ภิกษุผู้ร่วมเดินทางใช้เครื่องกรองน้ำของตน เมื่อเดินทางได้สักระยะ ภิกษุผู้ไม่มีเครื่องกรองน้ำ ก็ไม่อาจอดกลั้นความกระหายได้ จึงดื่มน้ำที่ไม่ได้กรอง ภิกษุทั้งสองเดินทางมาถึงพระเชตวัน มหาวิหารแล้วจึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
พระศาสดาทรงตรัสถามถึงการเดินทาง ภิกษุทั้งสองจึงเล่าถึงการทะเลาะ โต้เถียงในระหว่างเดินทางและเรื่องที่ดื่มน้ำโดยไม่ใช้เครื่องกรองน้ำ “ ภิกษุรูปนี้รู้อยู่ว่า..น้ำที่มีตัวสัตว์ ก็ยังดื่ม ”
“ ดูก่อนภิกษุ เธอดื่มน้ำมีตัวสัตว์จริงหรือ ” “ พระเจ้าค่ะ ข้าพระองค์กระหายน้ำ จนต้องดื่มน้ำที่ไม่ได้กรอง ”
“ ดูก่อนภิกษุ แม้บัณฑิตในกาลก่อน ซึ่งครองราชย์สมบัติในเทพนคร ยังยอมตาย ยอมที่จะพ่ายแพ้ในการรบ แต่จะไม่ยอมทำลายชีวิตสัตว์อื่น เพื่อความเป็นใหญ่ของตนเลย ” พระพุทธองค์ทรงติเตียนภิกษุรูปนั้น แล้วทรงนำอดีต นิทานมาแสดง
ในอดีตกาล พระเจ้ามคธราชพระองค์หนึ่ง ครองราชย์อยู่ที่เมืองราชคฤห์ในแคว้นมคธ ณ หมู่บ้านมจลคามแห่งแคว้นมคธนั้นเอง พระโพธิสัตย์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่า มฆะ ครั้นเจริญเติบโตในวัยอันควรแล้ว บิดามารดาจึงให้แต่งงานกับหญิงที่มีชาติตระกูลเสมอกัน อยู่กินกันด้วยความสุข มีทรัพย์สมบัติและบุตรธิดามากมาย
มฆมานพได้เป็นผู้นำครอบครัวให้ทำบุญทำทานและรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์เพื่อความผาสุกแห่งครอบครัว ในหมู่บ้านแห่งนั้นมีชาวบ้านอาศัยอยู่สามสิบตระกูล วันหนึ่งในขณะที่มฆมานพเดินเล่นในหมู่บ้าน เห็นสถานที่แห่งหนึ่งแล้วพอใจ จึงจัดการเก็บกวาดทำ จนกระทั่งเป็นสถานที่น่ารื่นรม น่าพักผ่อนหย่อนใจ
วันรุ่งขึ้นมฆมานพตั้งใจจะมาพักผ่อน ณ ที่ ซึ่งตนเองได้เก็บกวาดไว้นั้น ก็ปรากฏว่ามีผู้อื่นมาพักใช้เป็นที่พักเสียแล้ว มฆมานพจึงจัดหาสถานที่ใหม่ กระทำให้เป็นที่พักอันน่ารื่นรมย์อีก
ครั้นพอวันรุ่งขึ้นก็มีผู้มาใช้ประโยชน์ที่แห่งใหม่ซึ่งมฆมานพจัดหาไว้อีก เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน กระทั่งมฆมานพได้สร้างสถานอันน่ารื่นรมไว้ถึงสามสิบแห่งให้แก่ตระกูลต่างๆ ในหมู่บ้านนั้นทั้งหมด
ต่อมามฆมานพได้สร้างศาลาไว้ในที่เหล่านั้น พร้อมทั้งตั้งตุ่มน้ำดื่มไว้ กระทำศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่ทั้งสามสิบตระกูล ต่างพากันช่วยถางทาง สร้างถนน สร้างสะพาน ขุดสระ สร้างศาลา ให้ทาน และรักษาศีล 5 ตามมฆมานพ การที่ชาวบ้านรักษาศีล 5 ตามมฆมานพนั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้กับหัวหน้าหมู่บ้านเป็นอย่างมาก
เนื่องจากการละเว้นการฆ่าสัตว์และละเว้นการดื่มสุรานั้น ทำให้ตนเองเสียรายได้ คิดได้ดังนั้นแล้วหัวหน้าหมู่บ้านจึงเดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้ามคตราช และกราบทูลเสด็จว่า มีพวกโจรเที่ยวเข่นฆ่าชาวบ้าน
พระราชาเมื่อได้ทรงเสดับฟังคำของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว จึงรับสั่งว่าให้นำคนเหล่านั้นมา พระราชาทรงหลงเชื่อ คำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านไม่ทันได้ไต่สวนความก็รับสั่งให้ประหารด้วยการนำช้างมาเหยียบให้ตาย เมื่อราชบุรุษให้ชาวบ้านนอนลงที่พระลานหลวงก็ไสช้างเข้ามา
แม้ชาวบ้านจะพยายามอธิบายและร้องขอชีวิตต่อพระราชาแต่ก็ไม่เป็นผล ราชบุรุษได้ไสช้างเข้าไปยังชาวบ้านที่นอนอยู่หมายจะเอาชีวิต ระหว่างนั้นมฆมานพได้ปลอบใจชาวบ้านและเตือนสติให้ระลึกถึงศีล และให้เจริญเมตตา
ชาวบ้านทั้งหมดทำตามที่มฆมานพบอก เมื่อราชบุรุษนำช้างเข้าไปเพื่อให้เหยียบชาวบ้าน ช้างนั้นก็ไม่ยอมเข้าไป ร้องเสียงลั่นแล้วหนีไป แม้จะนำช้างเชือกอื่นมาก็เป็นเช่นเดียวกัน เหตุการณ์นี้สร้างความแปลกใจแก่พระราชายิ่งนัก
ทรงคิดว่าชาวบ้านมียาที่ทำให้ช้างไม่กล้าเข้าไปใกล้ จึงรับสั่งให้ราชบุรุษค้นตัวชาวบ้าน
พวกราชบุรุษตรวจค้นดูแล้วก็ไม่พบอะไร พระราชาทรงสงสัยว่าชาวบ้านจะมีเวทมนต์ทำให้ช้างกลัว จึงสั่งให้เรียกมฆมานพมาสอบถาม
พระราชาได้ฟังดังนั้นก็เกิดความเลื่อมใส ทรงยกสมบัติในเรือนทั้งหมดของหัวหน้าหมู่บ้าน และให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นทาสของชาวบ้านเหล่านั้น พร้อมทั้งมอบช้างและบ้านเรือนแก่ชาวบ้าน
มฆมานพได้ปฏิบัติวัตรบท 7 คือ เลี้ยงดูบิดามารดา เคารพนอบน้อมผู้ใหญ่ในตระกูล พูดจาสุภาพนิ่มนวล ไม่กล่าวคำส่อเสียด ปราศจากความตระหนี่ กล่าวแต่คำสัตย์ เป็นผู้ไม่โกรธ เมื่อสิ้นอายุขัยจึงได้ไปบังเกิดเป็นท้าวสักกะบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แม้พวกสหายของ มฆมานพก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาเช่นกัน
ครั้งหนึ่งท้าวสักกะได้ทำการรบกับพวกอสูร โดยมีมาตลีเทพบุตรเป็นสารถี แต่พลาดท่าเสียทีแก่พวกอสูร จึงต้องแล่นรถหนีเพื่อกลับเข้าสู่เทพนคร
ขณะที่พ่ายแพ้หนีกลับมายังเทพนครนั่นเอง มาตลีเทพบุตรได้ขับรถผ่านป่างิ้ว ระหว่างทางรถของท้าวสักกะได้ทำลายต้นงิ้วซึ่งเป็นที่อยู่ของลูกครุฑจำนวนมาก พวกลูกนกครุฑที่พลัดตกลงมาก็พากันร้องเสียงขรม
ขณะที่พ่ายแพ้หนีกลับมายังเทพนครนั่นเอง มาตลีเทพบุตรได้ขับรถผ่านป่างิ้ว ระหว่างทางรถของท้าวสักกะได้ทำลายต้นงิ้วซึ่งเป็นที่อยู่ของลูกครุฑจำนวนมาก พวกลูกนกครุฑที่พลัดตกลงมาก็พากันร้องเสียงขรม
ท้าวสักกะไม่ต้องการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จึงทรงสั่งให้พระมาตลีสารถีกลับรถไปยังทางเดิมหมายจะสละชีวิต ฝ่ายพวกอสูรเมื่อเห็นท้าวสักกะย้อนกลับมา ก็คิดว่าก็คงมีกำลังเสริมมาช่วย จึงพากันหนีเข้าไปยังภพอสูรตามเดิม เมื่อพวกอสูร หนีกลับไปยังภพอสูรแล้ว ท้าวสักกะจึงทรงเป็นผู้ชนะศึกในครั้งนั้น
พระศาสดาครั้นทรงแสดงพระธรรมเทศนาแล้ว ตรัสกับภิกษุว่า ดูก่อนภิกษุ บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อนครองราชย์สมบัติในเทวโลก ถึงจะสละชีวิตของตนก็ไม่กระทำ ปานาติบาต ด้วยประการดังนี้ เธอชื่อว่าบวชในศาสนาอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ เห็นปานนี้เหตุใดจักดื่มน้ำมีตัวสัตว์มิได้กรองเล่า
พระศาสดาทรงติเตียนภิกษุนั้น แล้วทรงประชุมชาดกว่า
มาตลี สารถีในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระอานนท์
ส่วนท้าวสักกะในครั้งนั้น เสวยพระชาติเป็นเราตะถาคตชะนี้แล
ข้อคิดที่ได้.....
1.การแบ่งปันมีความสำคัญ ...พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว ถ้าไม่รักกันแล้ว จะทำให้ครูบาอาจารย์ ไม่สบายใจ
2.ชีวิตของสัตว์แม้ตัวเล็ก ๆ ก็อย่าเบียดเบียน ให้เห็นความสำคัญของชีวิตของเขา
3.การทำความดี แม้ถูกกลั่นแกล้งก็ให้ตั้งใจทำต่อไป อย่างมฆมานพ
4.การแผ่เมตตา และตั้งอยู่ในศีล มีอานุภาพ แม้ช้างยังไม่กล้าทำร้าย ทำนองว่า คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหล ตกไม่ไม่ไหม้







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น