วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561


ภาค 1 
จากชาวบ้าน....  
กลายมาเป็นเศรษฐีของเมืองได้อย่างไร ????


               นายปุณณะเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจนมาก   จึงไปรับจ้างเศรษฐีคนหนึ่ง   พอถึงเทศกาลสงกรานต์   มีงานมหรสพ 7 วัน 7 คืน เศรษฐีถามนายปุณณะว่าเธอจะไปเที่ยวเล่นเทศกาลกับเขาไหม... นายปุณณะพิจารณาแล้วว่า ตนเองเป็นคนยากจน  ข้าวจะกินก็ไม่มี  ถ้าไปเที่ียวงาน ก็จะไม่มีข้าวกิน ไม่มีอาหารเลี้ยงครอบครัว จึงตัดสินใจไม่ยอมไปเที่ยวเล่นในงานเทศกาล   ขอท่านเศรษฐีไปทำงานแทน  ได้ปรึกษากับภรรยาว่า...ตนเองจะออกไปไถนาให้เศรษฐีแต่เช้า แล้วให้ภรรยาเตรียมข้าวปลาอาหารไปส่ง

               หลังจากนายปุณณะไถนาไปได้ระยะหนึ่ง   ขณะนั้นพระสารีบุตรพระอัครสาวกเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ท่านพิจารณาด้วยญาณว่าจะไปโปรดใครดีหนอ .. ที่มีศรัทธา...และจะได้รับบุญใหญ่จากการทำทานกับพระที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติในครั้งนี้   ก็เห็นนายปุณณะกับภรรยา  ก็เลยเดินไปในที่ใกล้ ๆ กับนายปุณณะไถนาอยู่   นายปุณณะเห็นพระสารีบุตรก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใส แต่ไม่มีไทยธรรมใด ๆ จะถวาย 
  
                 พระสารีบุตรเองก็รู้ว่า นายปุณณะไม่มีไทยธรรม แต่บอกนัยยะ  คือเดินไปใกล้ ๆ ที่บ่อน้ำ นายปุณณะมีปัญญารู้ว่าพระสารีบุตรคงอยากจะได้ไม้ชำระฟัน   จึงได้เข้าไปกราบ แล้วถวายไม้ชำระฟัน พร้อมทั้งผ้ากรองน้ำ  ถวายน้ำบ้วนปาก  ด้วยจิตอันเลื่อมใส  ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธา  มีความรู้สึกว่าเราโชคดีเหลือเกินที่มีพระมาโปรด

                  หลังจากที่ได้ถวายไม้ชำระฟันและน้ำบ้วนปากเรียบร้อยแล้ว พระสารีบุตรรู้ด้วยญาณทัสนะของท่านว่า ภรรยาของนายปุณณะ ซึ่งกำลังนำอาหารมาให้นายปุณณะ ก็มีศรัทธาเหมือนกัน  พระสารีบุตรก็เดินทางสวนไป  ภรรยาของนายปุณณะ   พอได้เจอพระสารีบุตรในระหว่างทาง   ก็เกิดความศรัทธา  นางคิดว่า บางครั้งอยากจะทำบุญ   แต่ไม่มีไทยธรรม   ไม่มีเนื้อนาบุญ   หรือบางครั้งมีไทยธรรม แต่ไม่มีศรัทธา และไม่มีเนื้อนาบุญ   บางครั้งมีเนื้อนาบุญ   มีศรัทธา แต่ไม่มีไทยธรรม ...แต่วันนี้เรามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งข้าวปลาอาหารที่เตรียมมา ...ศรัทธาเกิดขึ้นในใจแล้ว .... พระอัครสาวกเบื้องขวามายืนต่อหน้าแล้ว เป็นความโชคดีของเราแล้วหนอ   ก็นิมนต์พระสารีบุตรแล้วใส่อาหารลงในบาตรนั้น

                    หลังจากใส่บาตรไปได้ครึ่งเดียว พระสารีบุตรท่านก็ปิดฝาบาตรเพื่อจะได้เหลือให้นายปุณณะครึ่งหนึ่ง  แต่ภรรยาของนายปุณณะก็มีปัญญา ก็อ้อนวอนพระคุณเจ้าว่า พระคุณเจ้าอย่าโปรดดิฉันแค่เพียงชาตินี้เลย ขอให้โปรดไปภพชาติเบื้องหน้าด้วยเถิด หลังจากภรรยานายปุณณะได้ถวายหมดแล้ว  เกิดความปลื้มปีติ แล้วอธิษฐานจิตขอให้ได้บรรลุธรรมตามที่พระสารีบุตรได้บรรลุ จากนั้นรีบเดินทางกลับไปทำอาหารมาให้นายปุณณะใหม่ ซึ่งกว่าจะเสร็จก็สายมาก  

                 ส่วนนายปุณณะไถนาจนเหนื่อยล้าแล้ว  ก็ปล่อยโคออกไปหากิน  ตนเองก็นอนพักอยู่ใต้ต้นไม้รอภรรยาเอาอาหารมาส่ง ในขณะที่ภรรยามาใกล้ถึงที่นายปุณณะนอนอยู่  ก็กลัวว่าสามีจะโกรธ  จะทำให้บุญจะหกหล่น   จึงรีบตะโกนบอกนายปุณณะในทำนองว่า เอาบุญมาฝาก ตนได้ถวายภัตตาหารแด่พระสารีบุตรในระหว่างทาง

                นายปุณณะก็นึกได้ว่าตนก็ได้ทำบุญกับพระสารีบุตรเช่นกัน ต่างคนก็ต่างอนุโมทนาชื่นชมซึ่งกันและกัน จากนั้นนายปุณณะก็รับประทานอาหาร แล้วพักผ่อน นอนหนุนตักภรรยาหลับไป พอตื่นขึ้นมา ก้อนดินที่ไถเอาไว้ทั้งหมดกลายเป็นทองคำ ด้วยกำลังบุญที่ส่งผลจากการได้ถวายทานกับพระสารีบุตรที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัตินั้น 

                    หลังจากที่เห็นก้อนดินเป็นทองคำ นายปุณณะไม่เชื่อสายตายตนเอง  คิดว่า .. เราตาลายไปหรือเปล่า จึงถามภรรยา ได้รับคำตอบว่า...เห็นเหมือนกัน  จึงไปจับก้อนดู พบว่าเป็นทองคำจริง ๆ

                   นายปุณณะมีดวงปัญญาคิดว่าสมบัติที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดอันตราย  รีบเอาก้อนทองนั้น  เดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร กราบทูลความเป็นจริงทั้งหมด พระเจ้าพิมพิสารก็สั่งให้ข้าราชบริพารเอาเกวียนมาขนทองไป  ข้าราชบริพารเหล่านั้นก็มองว่าทองที่เกิดขึ้นควรเป็นของกษัตริย์  ก็คุยกันว่าจะขนไปให้กษัตริย์  ...ปรากฏว่า ทองเหล่านั้นก็กลายเป็นดินทันที

                   พวกมหาดเล็กก็ตกใจ รีบไปรายงานพระเจ้าพิมพิสาร  พระเจ้าพิมพิสารถามว่า “เจ้าพูดว่าอย่างไรมันถึงกลายเป็นดิน”   มหาดเล็กก็บอกว่า " ทองเหล่านี้เป็นสมบัติของพระเจ้าแผ่นดิน”   พอพูดเสร็จทองนั้นก็กลายเป็นดินทันที  พระเจ้าพิมพิสาร ให้กลับไปพูดใหม่ว่า “ ทองนั้นเป็นของนายปุณณะ “  มหาดเล็กเหล่านั้นก็กลับไปที่นา แล้วพูดว่า “เรามาขนสมบัติของนายปุณณะ ดินก็กลายมาเป็นทองคำอีก” 

                  มหาดเล็กจึงขนทองเหล่านั้นไปกองไว้ที่หน้าท้องพระโรง มีความสูงประมาณ 80 ศอก  พระเจ้าพิมพิสารประกาศถามว่าใครมีสมบัติมากขนาดนี้ บ้าง  ...ปรากฏว่าไม่มี  ก็เลยแต่งตั้ง มอบฉัตรเศรษฐีสถาปนาให้นายปุณณะเป็นเศรษฐี    


                    หลังจากที่นายปุณณะเป็นเศรษฐีแล้วก็ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต  ได้ถวายภัตตาหารพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ตลอด 7 วัน จากนั้นเมื่อได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว นายปุณณะหรือปุณณเศรษฐีพร้อมภรรยาและธิดา คือนางอุตตราอุบาสิกาก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันกันทั้งครอบครัว

                     จากเรื่องนี้ได้ข้อคิดว่า 
                   ...  การทำบุญ  หากทำถูกเนื้อนาบุญ แม้ว่าทำบุญน้อย   แต่ได้บุญมหาศาล   เพราะพระสารีบุตรเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ  
                    ....การทำบุญทุกครั้ง จะต้องปลื้ม ทั้งก่อนทำ ....ขณะทำ....และหลังจากทำแล้ว  ...ยิ่งปลื้ม  บุญก็จะทับทวีไปเรื่อย ๆ 
                    ....การทำบุญให้ได้บุญมากนั้น  จะต้องประกอบองค์  คือ ผู้ให้ก็มีความบริสุทธิ์  ...ผู้รับก็มีความบริสุทธิ์  ...สิ่งของที่ให้ก็ได้มาด้วยความบริสุทธิ์  ...และเจตนาที่ให้บริสุทธิ์  อย่างนี้ กุศลผลบุญที่ได้จะนับจะประมาณมิได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศาสดาเอกของโลก (๑)

ศาสดาเอกของโลก   (๑)                  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากกิเลสอาสวะ กิจที่จะทำยิ่...