วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561




เปรต...มีจริงไหม....


               คงเคยได้ยิน เรื่องของเปรต สด ๆ ร้อน ๆ คือการ "ชิงเปรต" เป็นประเพณีของภาคใต้ที่กระทำกันในวันสารท เดือน 10   ช่วงเวลา วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10  และ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10  เป็นประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นเพื่อทำบุญอุทิศแก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งทำเป็นประเพณีทุก ๆ ปี 


           ในไตรภูมิพระร่วงก็กล่าวบรรยายภาพของเปรตที่เราคุ้นเคย คือผีรูปร่างสูงโย่งเท่าต้นตาล คอยาว ตาและจมูกกลวงโบ๋ มือใหญ่เท่าใบลาน ปากเล็กเท่ารูเข็ม  กลางคืนมักส่งเสียงร้องน่าขนลุกให้คนหวาดกลัว แน่นอนว่าทุกคนก็ไม่รู้ว่าเปรตมีจริงหรือไม่ และมีรูปร่างอย่างไร 

              แต่ลักษณะเช่นนี้คงมิใช่เพียงเรื่องหลอกเด็กที่แต่งขึ้นใหม่ เพราะในไตรภูมิพระร่วงได้บรรยายลักษณะของเปรตไว้ ได้ละเอียดเหมือนกับเคยเห็นมา  แม้แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ก็เคยเล่าให้ฟังว่าเคยเห็น จะลองหยิบยกมาเป็นตัวอย่างดังนี้ เช่น   ...เปรตบางจำพวกตัวใหญ่ ปากน้อยเท่ารูเข็มก็มี ...เปรตบางจำพวกผมหนา อดอยาก  ไม่มีอาหารจะกิน  บางพวกก็กินเนื้อของลูกตัวเอง ฯลฯ….  สมัยปู่ย่าตายาย ก็เล่าต่อ ๆ กันมา ลูกทรพีทำร้ายพ่อแม่ เมื่อตายแล้วดวงวิญญาณก็มาเกิดใหม่เป็นเปรต  “มือที่ตบตีพ่อแม่จะขยายใหญ่เท่าใบลาน ปากที่ดุด่าพ่อแม่จะเล็กลงเหลือเท่ารูเข็ม”

              เปรตบางพวกมีไฟพุ่งออกจาก อก ลิ้น ปาก แล้วลามไหม้ตัวเอง เพราะได้ด่าสบประมาท และกล่าวคำเท็จต่อพระสงฆ์ผู้ใหญ่ผู้มีศีล ... เปรตบางพวกตัวใหญ่เท่าภูเขา มีขนยาวแหลม มีเล็บตีนเล็บมือใหญ่ เล็บนั้นคมดังมีดกรีดและหอกดาบ เมื่อเล็บตีนเล็บมือและขนไปกระทบกัน จะเกิดเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า เกิดเป็นไฟลุกไหม้ตัวเอง และบาดตัวเหมือนดังขวานฟ้าผ่าตัว  เพราะทำกรรม คือเกิดเป็นนายเมือง ตัดสินความโดยไม่ชอบธรรม เห็นแก่สินบน ไม่วางตัวเป็นกลาง คนถูกว่าผิด คนผิดว่าถูก 

          เรื่องของเปรต มีเยอะมาก ๆ ก็ขอยกตัวอย่างมาพอสังเขปก่อน  มาดูในสมัยพุทธกาล คงเคยได้ยินเปรตญาติของพระเจ้าพิมพิสาร  มาดูเรื่องราวว่าเป็นมาอย่างไร.... ในพระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ว่า  ... ในกัปที่ 92 แต่ภัทรกัปนี้ ได้มีเมืองชื่อว่ากาสี. พระราชาทรงประนามว่าชัยเสน ทรงครองราชสมบัติในพระนครนั้น. พระองค์ได้มีพระราชเทวีทรงพระนามว่าสิริมา. พระโพธิสัตว์นามว่า ผุสสะ บังเกิดในพระครรภ์ของพระนางแล้ว ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณโดยลำดับ.

               พระเจ้าชัยเสนเกิดความคิดว่า    บุตรของเราเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นของเรา พระธรรมเป็นของเรา พระสงฆ์ก็เป็นของเรา ทรงอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าด้วยพระองค์เอง  ตลอดกาล ไม่ทรงให้โอกาสแก่ชนอื่นเลย.


               พี่น้องทั้ง 3 คนผู้ต่างมารดา ของพระผู้มีพระภาคเจ้า คิดว่า พระพุทธเจ้าย่อมอุบัติเพื่อประโยชน์แก่ชาวโลกทั้งมวล พระบิดาของพวกเราก็ไม่ยอมให้โอกาสแก่ชนอื่นเลย ทำอย่างไร พวกเราจะได้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์บ้าง. 


               ดังนั้นพี่น้องทั้ง 3 จึงอุบายได้สร้างสถานการณ์ชายแดน ประหนึ่งว่าเกิดการปั่นป่วน. พระราชาทรงสดับแล้ว จึงได้ส่งพระโอรสทั้ง 3ไปปราบ  จนปัจจันตชนบทสงบแล้วกลับมา.  
พระราชาทรงพอพระทัย ได้ประทานพรว่า พวกลูกปรารถนาสิ่งใดก็จงถือเอาสิ่งนั้น พี่น้องทั้ง 3 กราบทูลว่า ปรารถนาจะอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า.

               พระราชาตรัสว่า เว้นพระผู้มีพระภาคเจ้า เธอจงเลือกเอาอย่างอื่นเถิด. พี่น้องทั้ง 3 กราบทูลว่า พวกข้าพระองค์ไม่ต้องการสิ่งอื่น. พระราชาตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น พวกเธอจงกำหนดเวลามาแล้วถือเอาเถิด. พี่น้องทั้ง 3  ทูลขอถึง 7  ปี พระราชาไม่ทรงอนุญาต.
  ขอ  6  ปี  5 ปี 4 ปี 3 ปี 2 ปี 1 ปี 7 เดือน 6 เดือน 5 เดือน 4 เดือนจนกระทั่งขอเพียง 3 เดือน พระราชได้ทรงอนุญาต 
               
พี่น้องทั้ง 3 ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ปรารถนาจะอุปัฏฐากตลอด 3  เดือน, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงรับการอยู่จำพรรษา  ตลอด 3 เดือนนี้   พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับด้วยดุษฎีภาพ.

              พี่น้องทั้ง 3 จึงส่งข้อความไปถึงนายเสมียนในชนบทของตนให้ช่วยจัดแจงสัมภาระ  สำหรับอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า  
นายเสมียนได้จัดแจงทุกอย่างแล้ว ส่งลิขิตตอบไป. พี่น้องทั้ง 3 นุ่งผ้ากาสายะ พร้อมกับบุรุษ 1,000 คน ผู้ทำการขวนขวาย ได้พากันอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์โดยเคารพ มอบถวายวิหารให้อยู่จำพรรษา.

             บุตรคฤหบดีคนหนึ่งผู้เก็บเสบียงคลังของพี่น้องทั้ง 3 พระองค์นั้น พร้อมด้วยภริยา เป็นผู้มีศรัทธา มีความเลื่อมใส. เขาได้ถวายทานวัตร แก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานโดยเคารพ.


               นายเสมียนชักชวนชาวบ้านไป 11,000  คน ได้ให้ทานเป็นไปโดยเคารพทีเดียว.   มีชาวบ้านบางพวกไม่พอใจกัน พากันกินไทยธรรมด้วยตนเอง และเอาไฟเผาโรงครัว. เมื่อครบ 3 เดือนก็ได้ทำสักการะพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนำพระผู้มีพระภาคเจ้ากลับมาหาบิดาตามเดิม. 
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว. เสมียนในชนบท และผู้เก็บเสบียงคลัง เมื่อตายไปบังเกิดในสวรรค์ ชาวบ้านที่ไม่พอใจกันก็พากันเกิดในนรก.

               ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ ชาวบ้านผู้ไม่พอใจเหล่านั้นเกิดเป็นเปรต. เปรตเหล่านั้นได้เห็นพวกมนุษย์พากันให้ทานอุทิศเพื่อประโยชน์แก่เปรตผู้เป็นญาติ เปรตญาติคนอื่นได้เสวยสมบัติ. เปรตชาวบ้านเหล่านั้น 
     จึงเข้าไปเฝ้าพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ทูลถามว่า พวกข้าพระองค์จะพึงได้สมบัติเห็นปานนี้ หรือไม่หนอ? 

                  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า บัดนี้ ท่านยังไม่ได้ แต่ในอนาคตจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าโคดม ในกาลนั้นจะมีพระราชาทรงพระนามว่าพิมพิสาร,  พระองค์เป็นญาติของพวกท่าน พระองค์ให้ทานแด่พระพุทธเจ้าแล้วจะอุทิศผลบุญแก่พวกท่าน, 

                 พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแคว้นของ
พระเจ้าพิมพิสาร พระราชาทรงนิมนต์เสวยพระกระยาหาร    ส่วนเปรตเหล่านั้นได้พากันยืนล้อมด้วยหวังใจว่า พระราชาจะอุทิศส่วนบุญแก่พวกเรา. พระราชาทรงถวายทานแล้ว ทรงคิดถึงเรื่องอื่น จนลืมอุทิศส่วนบุญนั้นแก่ใครๆ.

               พวกเปรตเมื่อไม่ได้ส่วนบุญนั้นก็สิ้นหวัง ในเวลากลางคืนจึงพากันส่งเสียงร้องอันน่าสะพึงกลัวอย่างยิ่ง ใกล้พระราชนิเวศน์.  พระราชาทรงได้ยินเสียง แล้วเกิดสะพึงกลัว หวาดเสียว พอรุ่งขึ้นจึงได้ไปกราบทูลกับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าพระองค์ได้สดับเสียงเห็นปานนี้ จะมีเหตุอะไรแก่ข้าพระองค์ บ้าง 


           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อย่าทรงกลัวเลยมหาบพิตร  ไม่มีความชั่วช้าลามกอะไรแก่พระองค์ ญาติเก่าก่อนของพระองค์ที่เกิดเป็นเปรต หวังจะพบพระองค์ถึงพุทธันดรหนึ่ง ท่องเที่ยวไปด้วยหวังใจว่า พระองค์ถวายทานแด่พระพุทธเจ้าแล้ว จะอุทิศส่วนบุญให้บ้าง พระองค์ถวายทานเมื่อวันวานแล้ว มิได้อุทิศจึงพากันสิ้นหวัง ส่งเสียงร้องเห็นปานนั้น.

               พระราชาตรัสถามว่า หม่อมฉันถวายทานตอนนี้ เปรตเหล่านั้นจะพึงได้รับหรือไม่ ? พระศาสดาตรัสว่า ...ได้ มหาบพิตร. พระราชาจึงขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดรับทานของพระองค์ ในวันนี้, แล้วจะอุทิศส่วนบุญให้แก่พวกเปรตเหล่านั้น.  


           พระราชาเสด็จไปยังพระราชนิเวศน์ ทรงให้จัดแจงมหาทานแล้ว กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ประทับนั่งบนอาสนะที่จัดไว้. เปรตเหล่านั้นไปด้วยหวังว่า วันนี้ พวกเราจะพึงได้อะไรเป็นแน่ ดังนี้ จึงได้พากันยืนอยู่ในที่ต่างๆ มีภายนอกฝาเรือนเป็นต้น.

               พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทำให้พระเจ้าพิมพิสาร เห็นเปรตเหล่านั้นด้วยตาเนื้อ   เมื่อทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก จึงอุทิศว่า ทานที่ข้าพเจ้าให้นี้จงสำเร็จแก่พวกญาติเถิด. ในบัดดลนั้นเอง สระโบกขรณีอันดาระดาษด้วยกลุ่มดอกกมล ได้บังเกิดแก่พวกเปรต. เปรตเหล่านั้นพากันอาบและดื่มในสระโบกขรณีนั้นได้สงบระงับความกระวนกระวาย ความลำบากและความกระหาย ผิวพรรณผ่องใส


               พระราชาถวายข้าวยาคู ของเคี้ยวและของบริโภคแล้วอุทิศให้. ขณะนั้นนั่นเอง ข้าวยาคู ของเคี้ยวและอาหารอันเป็นทิพย์ก็บังเกิดแก่เปรตเหล่านั้น. เปรตเหล่านั้นพากันบริโภคข้าวยาคูเป็นต้นนั้นแล้ว ก็ได้เป็นผู้มีอินทรีย์กระปรี้กระเปร่า.


               ลำดับนั้น พระองค์ได้ถวายผ้า ที่นอนและที่นั่งแล้วอุทิศให้. เครื่องประดับมีชนิดต่างๆ เช่น ผ้า ปราสาท เครื่องลาดและที่นอนเป็นต้นอันเป็นทิพย์ได้บังเกิดแก่เปรตเหล่านั้น. และสมบัติของเปรตเหล่านั้นทั้งหมดนั้นได้ปรากฏแก่พระราชา โดยประการที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิษฐานไว้. พระราชาทรงทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ทรงพอพระทัยยิ่งนัก. เปรตเมื่อผลบุญ ก็สามารถไปเกิดในภพภูมิใหม่ตามที่ต่าง ๆ ตามกำลังบุญของแต่ละตน  


                จะเห็นได้ว่าเรื่องของเปรตนี้  มีจริงหรือไม่  เราจะเชื่อตอนเป็น หรือเราจะไปเห็นตอนตาย   แต่ที่สำคัญในพระไตรปิฎกยังมี  ซึ่งเรืองนี้นำมาจาก 
อรรถกถา ขุททกนิกาย เปตวัตถุ ปฐมวรรค  ( ติโรกุฑฑเปตวัตถุ)     อ่านและศึกษาความรู้ไว้  ติดขาติดแข้ง ... ถ้า นรก สวรรค์ไม่มีก็เจ๋ากันไป  แต่ถ้ามี เราก็จะได้ไม่พลาดไปตกนรก แล้วมาเป็นเปรต  อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉาน ฯลฯ   ความชั่วแม้แต่เล็กน้อยอย่าไปทำเลย  เพราะทุกการกระทำจะมีผลของวิบากกรรมทั้งสิ้น 


#ธรรมะดีดี  #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศาสดาเอกของโลก (๑)

ศาสดาเอกของโลก   (๑)                  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากกิเลสอาสวะ กิจที่จะทำยิ่...