ทุกชีวิตเกิดมาในโลกใบนี้ ย่อมเจอคน อยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ บุคคลที่รักเรา บุคคลที่เฉย ๆ ต่อเรา และบุคคลที่ไม่ชอบเรา
...หากเจอคนที่รักเรา ชีวิตของเราก็สุดแสนจะดีและมีความสุข
...หากเจอคนที่เฉย ๆ กับเรา ไม่รักและไม่เกลียด คนพวกนี้ก็ไม่มีผลกับชีวิตเรา เพราะเขาพร้อมที่จะดีกับเรา ถ้าเราดีกับเขา และถ้าเราร้ายใส่เขา เขาก็จะร้ายตอบเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราไม่ห่วงคนประเภทนี้
...แต่หากเจอคนที่ไม่ชอบเรา อันนี้เป็นโจทย์ที่หนัก ..ถ้าเขาไม่ดีกับเรา แล้วเรากระทำไม่ดีตอบ สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ก่อเวรต่อกันไม่รู้จบ ...หากเราไม่อยากให้ชีวิตในวัฏฏสงสารมีความยืดยาว จองล้างจองผลาญกันต่อไป เราก็อย่าไปจองเวรตอบ จงให้อโหสิกรรม ดูเหมือนง่ายแต่ทำยากมาก เพราะทุก ๆ คน ไม่อยากให้ใครมาเอารัดเอาเปรียบ หรือเป็นฝ่ายถูกระทำเพียงฝ่ายเดียว มันยาก แต่ก็ต้องพยายามอดทน อดกลั้นสักชาติหนึ่ง ถ้าชาตินี้ชนะ ก็จะชนะทุกชาติ
การจองเวรเกิดขึ้นตอนไหน....??? หากมีคนทำร้ายหรือเบียดเบียนเรา การจองเวรจะเกิดตอนที่เรามีความแค้น ..อาฆาตกับคนที่ทำร้าย แล้วตั้งจิตคิดพยาบาท ด้วยความอาฆาต แค้น จองเวรว่า “ขอให้ได้ทำร้าย หรือทำลายเหมือนอย่างที่เขาไว้บ้าง” อย่างนี้เป็นต้น
วันนี้นำเรื่องกุมารีกินไข่ ซึ่งเป็นเรื่องในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 159 สรุปใจความว่า
มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อปัณฑุระ
อยู่ไม่ไกลเมืองสาวัตถี, ในหมู่บ้านนั้น มีชาวประมงอยู่คนหนึ่ง. เขาเดินทางไปเมืองสาวัตถี
เห็นไข่เต่า ริมฝั่งแม่น้ำอจิรวดีจึงเก็บและถือไปต้มกิน และได้ให้ไข่ฟองหนึ่งแก่กุมาริกาคนหนึ่ง นางเคี้ยวกินไข่เต่านั้นแล้ว ติดอกติดใจ
ไม่ยอมทานอย่างอื่นเลย
ครั้งนั้นมารดาของนาง ถือเอาไข่ฟองหนึ่งจากที่แม่ไก่ได้ให้ แก่นาง. นางเคี้ยวกินไข่ฟองนั้นแล้ว ติดใจ ตั้งแต่นั้นมาต้องทานไข่ไก่ทุกวัน ส่วนแม่ไก่เวลาตกไข่แล้ว เห็นกุมารีมาเอาไข่ของตนเคี้ยวอยู่ ก็ผูกอาฆาต ตั้งความปรารถนาว่า " หากเราละจากอัตภาพนี้แล้ว พึงเกิดเป็นยักษิณี เป็นผู้สามารถจะเคี้ยวกินทารกของนางได้
เมื่อแม่ไก่ทำกาละ (ตาย) แล้วไปเกิดเป็นนางแมวในเรือนนั้นนั่นเอง.แม้นางกุมาริกา ทำกาละ (ตาย) แล้ว บังเกิดเป็นแม่ไก่ในเรือนนั้นเหมือนกัน.เมื่อแม่ไก่ตกไข่ นางแมวก็เอาไข่ไปกิน ทำอย่างนี้ แม้ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3
ทำให้แม่ไก่ในชาตินั้น ผูกอาฆาตไว้ว่า หากเราทำกาละแล้ว ไปเกิดในอัตภาพที่ได้เคี้ยวกินนางแมวพร้อมทั้งลูก ด้วยความปรารถนานี้ จึงได้ไปเกิดเป็นนางเสือเหลือง ฝ่ายนางแมวเมื่อทำกาละแล้ว บังเกิดเป็นนางเนื้อ. เมื่อนางเนื้อคลอดบุตร นางเสือเหลืองก็มาเคี้ยวกินนางเนื้อพร้อมด้วยลูกทั้งหลาย.
สองสัตว์นั้นเคี้ยวกินอยู่อย่างนี้ ยังทุกข์ให้เกิดขึ้นแก่กันและกัน ๕๐๐ ชาติ ด้วยความอาฆาตกันนี้ ในที่สุดนางเนื้อจึงไปเกิดเป็นยักษิณี, ส่วนนางเสือเหลืองไปเกิดเป็นกุลธิดาในเมืองสาวัตถี.
วันหนึ่งนางกุลธิดา เดินทางจากบ้านบิดามารดาจะกลับไปที่บ้านของสามี พร้อมด้วยสามีและบุตรที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน ขณะที่นางอุ้มลูกนั่งพักเหนื่อยอยู่ที่ใกล้หนองน้ำไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี สามีของนางลงไปอาบน้ำในหนองน้ำ นางยักษิณีได้ปรากฏตัวขึ้น นางกุลธิดาจำได้ว่านางยักษิณีเป็นศัตรูเก่า จะจับลูกของนางไปกิน นางจึงรีบอุ้มลูกวิ่งไปทางพระเชตวัน
ขณะนั้นพระศาสดากำลังทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ในท่ามกลางมหาชน นางวิ่งไปอย่างเร็ว
เมื่อไปถึงก็ได้วางบุตรลงที่ข้างพระบาทของพระศาสดา ฝ่ายนางยักษิณีก็วิ่งติดตามหญิงนั้นไปถึงประตูวัดพระเชตวัน แต่ถูกเทวดาเฝ้าประตูขัดขวางไม่ให้เข้าไป พระศาสดาทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น
ก็ได้ตรัสบอกพระอานนท์ให้ไปบอกเทวดาที่ซุ้มประตูให้อนุญาตนางยักษิณีเข้ามาได้
เมื่อนางยักษิณีเข้ามา อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระศาสดาแล้ว พระศาสดาได้ตรัสสอนทั้งนางกุลธิดา และนางยักษิณีว่า “หากเธอทั้งสองไม่มาหาเรา เวรของเธอทั้งสองก็จะยังดำเนินอยู่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พระพุทธองค์ตรัสเรื่องการไม่จองเวร ว่า “ ผู้ใดย่อมปราถนาสุขเพื่อตน เพราะก่อทุกข์ในผู้อื่น ผู้นั้น เป็นผู้ระคนด้วยเครื่องระคนคือเวร ย่อมไม่พ้นจากเวรได้ ”
เมื่อนางยักษิณีเข้ามา อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระศาสดาแล้ว พระศาสดาได้ตรัสสอนทั้งนางกุลธิดา และนางยักษิณีว่า “หากเธอทั้งสองไม่มาหาเรา เวรของเธอทั้งสองก็จะยังดำเนินอยู่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พระพุทธองค์ตรัสเรื่องการไม่จองเวร ว่า “ ผู้ใดย่อมปราถนาสุขเพื่อตน เพราะก่อทุกข์ในผู้อื่น ผู้นั้น เป็นผู้ระคนด้วยเครื่องระคนคือเวร ย่อมไม่พ้นจากเวรได้ ”
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง นางยักษิณี สมาทานศีล 5 พ้นแล้วจากเวร ฝ่ายกุลธิดานั้น ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.
จะเห็นได้ว่าการจองเวรกันนั้น ทำให้เกิดทุกข์ เพราะฉะนั้นหากใครทำไม่ดีกับเรา ก็ขอให้อโหสิกรรมเขาเสีย หมั่นแผ่เมตตาบ่อย ๆ อย่าได้มีเวรมีภัยกับใคร และอย่าได้เจอคนที่ไม่ดี ให้เจอแต่บัณฑิต นักปราชญ์ และคนดี ๆ เท่านั้น จะทำให้ใจเราเป็นสุขขึ้น
#ธรรมะดีดี #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์ #คนจริง #รักจริง #จริงใจ
#ธรรมะดีดี #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์ #คนจริง #รักจริง #จริงใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น