วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ธรรมที่ทำให้งาม

                                            

                                ธรรมที่ทำให้งาม 

                   ถ้าจะกล่าวถึงความสวย ความงาม มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงเป็นส่วนมาก  เพราะเป็นเพศที่รักสวย รักงาม  มาดูกันว่าความสวยงามนั้น ได้มาจากไหน ...???  

                   ความสวยงามเกิดขึ้นได้ 2 ทางด้วยกัน  คือ


                  1.ทางกาย ..เสื้อผ้า อาภรณ์ที่เหมาะสมกับการแต่งตัว   ใส่พอดี  รูปแบบที่สุภาพ สีไม่ฉูดฉาดมาก ใส่แล้วดูเรียบร้อย  ...ทรงผม ก็ต้องดูให้เหมาะสมกับรูปหน้า  และวัย โดยภาพรวมต้องดูเรียบร้อย ไม่ยุ่งเหยิง  ...กิริยามารยาท ซึ่งจะเป็นตัวเสริมอีกอย่างหนึ่ง  นอกจากนี้ ร่างกายต้องสะอาดและสุภาพ ฯลฯสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวเสริมให้รูปร่างหน้าตาดูสวยงามมากยิ่งขึ้น 


                  2. ทางจิตใจ ...คือเป็นคนใจงาม  ใจบุญ  ใจเมตตา  ใจกรุณา ฯลฯ  งามทางจิตใจนี้ ถือว่าเป็นสุดยอดของความงาม   เพราะงามที่ใจจะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ลึกซึ้ง  ไม่ล้าสมัย  แม้จะเห็นได้ยาก  แต่สามารถรู้ได้ด้วยการพูดคุย สนทนา และการอยู่ร่วมกัน  หรือสัมผัสได้โดยวิธีการใด วิธีการหนึ่ง   ถ้าจิตใจงดงามแล้ว จะทำให้ความสวยงามทางกายโดดเด่นยิ่งขึ้น


                  มาดูความงามของนางวิสาขากันบ้าง  นางวิสาขา ถือว่าเป็นหญิงงามในสมัยพุทธกาล ที่งามพร้อมด้วยเบญจกัลยาณี  คือมีความงาม 5 ประการ ได้แก่ 1.ผมงามเหมือนกำหางนกยูง 2.ริมฝีปากงามเหมือนสีผลตำลึงสุก เรียบสม่ำเสมอและปิดมิดชิด 3.กระดูกงาม ฟันขาวเหมือนไข่มุก เรียงเป็นระเบียบ 4.ผิวงาม เกลี้ยงเกลา 5.วัยงามเป็นสาวสวยพริ้งอยู่เสมอ


                  นางวิสาขา ไม่ได้งามเฉพาะภายนอกที่เห็นทั้ง 5 ประการที่กล่าวมานี้เท่านั้น   แต่ภายในจิตใจของนางยิ่งงดงามกว่าภายนอก คือนางมีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา นางได้บรรลุเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ขวบ   ได้รักษาศีลและเจริญภาวนามาตลอด  นอกจากนี้ยังทำบุญบริจาคทานอยู่เป็นนิตย์ จนได้รับการยกย่องให้นางเป็นผู้เลิศในการถวายทาน 


                  นางจึงเพรียบพร้อมด้วยรูปสมบัติ  ทรัพย์สมบัติ  คุณสมบัติ  แม้เวลาผ่านไปถึง 120 ปี แต่รูปกายของนางก็ยังคงสวยสดใส ไม่ต่างอะไรกับหญิงแรกรุ่น นางเป็นมารดาของบุตรธิดาถึง 20 คน บุตรธิดาเหล่านั้นยังสืบสานวงศ์ตระกูลจนมีลูกหลานอีก 8,420 คน  ความงามของนางก็ยังเต็มเปี่ยม  ทุกคนมีความปรารถนาที่จะได้มา  ซึ่งความงามเหล่านั้น  


                  ในขั้นต้นพระพุทธองค์ทรงสอนให้ตกแต่งจิตใจให้เป็นคนใจงาม ในระดับพื้นฐานต้องมีธรรมะไว้ 2 ข้อไว้ปฏิบัติ คือ


                  1. ขันติ คือความอดทน  หมายถึงการรักษาปกติภาพของตนไว้ได้เมื่อถูกกระทบ  ด้วยสิ่งไม่พึงปรารถนา จำแนกตามเหตุได้ 4 ระดับ คือ


                ...อดทนต่อความลำบากตรากตรำ ขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง  ไม่ท้อถอย หนักเอาเบาสู้


                ...อดทนต่อทุกขเวทนา เจ็บป่วยไม่แสดงอาการทุรนทุรายเกินเหตุ


               ..อดทนต่อความเจ็บใจ คือทนต่อการกระแทกแดกดันของคนอื่น 


              ...อดทนต่ออำนาจกิเลส  สิ่งยั่วยุต่างๆ  เมื่อได้มาก็ไม่ดีใจจนเกินไป  เมื่อเสียไปก็ไม่เสียดายเกินไป   ไม่แสดงกิริยามารยาทที่ไม่ดีงาม มีสติปัญญาควบคุมตนให้มีเหตุผลเสมอ และ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี 


              2. โสรัจจะ คือความสงบเสงี่ยม สงบจิต สงบใจ ทำใจให้เย็น ๆ เมื่อใจสงบแล้ว   กิริยาอาการที่แสดงออกมาก็จะสงบเสงี่ยม  มีอัธยาศัยดีงาม   มีความสงบเรียบร้อย มีความประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน  มีความสุภาพอ่อนโยน  รู้จักโอภาปราศรัย มองโลกในแง่ดี  รู้จักยกย่องให้เกียรติผู้อื่น


              สรุปคือ...เมื่อทุกคนทำได้ทั้งขันติ และโสรัจจะแล้ว  ความงามทุกส่วนที่เคยมีอยู่ ก็จะไม่เสื่อม  จะคงงดงามอยู่  และคงชนะใจคนอื่นได้เป็นอย่างดี   ยิ่งนับวัน จะยิ่งงดงาม มีคุณค่า ที่ประเมินค่าไม่ได้ และสร้างความรัก ความผูกพันเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้นให้กับบุคคลที่พบเห็นและเข้าใกล้    หวังว่าทุก ๆ ท่านจะมีทั้งความงดงามมากขึ้นทุก ๆ วัน  งามทั้งกาย และงามทั้งใจ ด้วยธรรมะ ขันติ และโสรัจจะนี้



#ธรรมะดีดี  #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์  #คนจริง #รักจริง  #จริงใจ #กรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศาสดาเอกของโลก (๑)

ศาสดาเอกของโลก   (๑)                  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากกิเลสอาสวะ กิจที่จะทำยิ่...