วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

พรหมวิหาร 4



พรหมวิหาร 4

การเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ทำให้ผู้น้อยมีความจงรักภักดี เป็นที่รัก เคารพ ยำเกรงของผู้น้อย  และยังทำให้ผู้ที่ไม่ปรารถนาดีกับเรา เปลี่ยนความคิด จากไม่ดีกลับกลายมาเป็นดี  ทำให้มีความปลอดภัย จากคนที่คิดร้าย    พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องพรหมวิหาร 4 ไว้ เพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ คือ

1.เมตตา         ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นได้รับสุข 
2.กรุณา          ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
3.มุทิตา          ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
4.อุเบกขา       การรู้จักวางเฉย

จะขออธิบายพรหมวิหาร 4  ในแต่ละหัวข้อ พร้อมทั้งอานิสงส์ของแต่หัวข้อดังนี้

1. เมตตา : ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขคือความสบาย   สบายใจ  เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขนั้นเกิดขึ้นได้หลายทางคือทางกายและทางใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขการให้ทาน ความสุขเกิดจากการนั่งสมาธิ และความสุขเกิดจากการได้บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ เป็นต้น

อานิสงส์แห่งความเมตตา...ทำให้นอนหลับสบาย  ...ตื่นขึ้นมาก็สบาย ...ไม่ฝันร้าย ....มีแต่คนรักใคร่....อมนุษย์รัก....เทวดารักษา....มีความปลอดภัย ....มีจิตตั้งมั่น....ผิวพรรณผ่องใส....ฯลฯ

2. กรุณา : ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์   มีความสงสารผู้ได้รับความลำบากกว่าตน  เช่นอยากช่วยเหลือคนเจ็บ...  อยากช่วยเหลือคนกำพร้า อนาถา... อยากช่วยเหลือคนที่ขาดแคลนด้วยสิ่งของ  ... อยากช่วยเหลือคนหิวโหย ...อยากช่วยเหลือคนที่ตกอยู่ในอันตราย  ฯลฯ  ให้เขาได้พ้นจากทุกข์  ตามกำลัง สติ ปัญญาที่เราจะช่วยได้

อานิสงส์แห่งความกรุณา ..ทำให้มีคนจงรักภักดี  ลูกน้องรักและทำงานทุ่มชีวิต จิตให้เต็มที่  เต็มกำลัง  และมีขวัญ กำลังใจที่ดี   มีความรู้สึกว่าตัวเองไม่โดดเดี่ยว  เดียวดาย  เข้าทำนองที่ว่า “เมื่อดีท่านใช้  เมื่อไข้ท่านรักษา” 

3. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี   คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญ  ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น  ไม่มีจิตใจริษยา   คือพลอยดีใจกับเขา เมื่อได้ดี เช่นได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ได้ชัยชนะ  ได้รางวัล ได้คำสรรเสริญ  ฯลฯ

อานิสงส์ในการแสดงมุทิตานั้น ..จะมีแต่คนจงรักภักดี  และมีความปรารถนาดีตอบแทน เกิดความนิยมนับถือ ยึดเอาเป็นที่พึ่ง และเป็นที่รักของทุกคน าผู้ใหญ่มีความกรุณาต่อผู้น้อย  ก็ย่อมทำให้เกิดควา

4. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้ สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืน  สรรพสัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม 

อานิสงส์ ของผู้ที่วางอุเบกขา  ตั้งอยู่ในความยุติธรรม  ให้ความเป็นธรรมแก่คนอื่นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ผู้อื่นอยู่ในบังคับบัญชา ตั้งใจทำหน้าที่ของตน  เพราะต่างก็เชื่อใจว่าใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว  ไม่มีความกระวนกระวายหรือร้อนใจ  


               เพราะฉะนั้นท่านที่ปฏิบัติตามพรหมวิหาร 4 นี้ จะมีแต่ความสุข  ความเจริญ  ไม่มีความทุกข์ มีแต่สุขล้วน ๆ   หากปฏิบัติทุก ๆ วัน จะทำให้ จิตใจผ่องใส เป็นที่รักของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นที่เคารพกราบไหว้ของมนุษย์และเทวดา  และที่สำคัญจะเข้าถึงมรรค ผล นิพพาน ได้โดยง่าย โดยเร็วพลัน  เพราะไม่มีเวรไม่มีภัยกับใคร ๆ เลย   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศาสดาเอกของโลก (๑)

ศาสดาเอกของโลก   (๑)                  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากกิเลสอาสวะ กิจที่จะทำยิ่...