เทวดาเตือนภัย
ทุกชีวิตที่เกิดมา ล้วนปรารถนาให้ตนเองมีความสุข มีความปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ มีอายุยืนยาว แต่ส่วนใหญ่ กลับ ดําเนินชีวิตด้วยความประมาท หลงไปก่อทุกข์ให้กับตนเอง ความสุขที่ปรารถนา จึงเป็นเพียงแค่ความฝัน คล้ายกับพยับแดดที่หาตัวตนแท้จริงไม่ได้ สุดท้ายเมื่อผลแห่งความประมาทมาถึงชีวิตของบุคคลเหล่านั้น ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความทุกข์ไปได้
ความไม่ประมาทเป็นเสมือนเกราะคุ้มภัยอันวิเศษ ที่ยากจะหาเกราะใด ๆ เทียบได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่มีการเตรียม พร้อม มัวหลงเพลิดเพลินในการใช้ชีวิตไปกับสิ่งไร้สาระ ย่อมจะหนีผลแห่งเหตุที่ตนทําไว้ไม่พ้น เพราะเหตุในวันนี้คือผลในวันหน้า เหตุดี ผลย่อมดี ถ้าเหตุไม่ดี ผลย่อมไม่ดี ไม่มีผู้ใดสามารถหนี ผลที่ตนทําไว้ ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความชั่วก็ตาม
ความไม่ประมาทเป็นเสมือนเกราะคุ้มภัยอันวิเศษ ที่ยากจะหาเกราะใด ๆ เทียบได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่มีการเตรียม พร้อม มัวหลงเพลิดเพลินในการใช้ชีวิตไปกับสิ่งไร้สาระ ย่อมจะหนีผลแห่งเหตุที่ตนทําไว้ไม่พ้น เพราะเหตุในวันนี้คือผลในวันหน้า เหตุดี ผลย่อมดี ถ้าเหตุไม่ดี ผลย่อมไม่ดี ไม่มีผู้ใดสามารถหนี ผลที่ตนทําไว้ ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความชั่วก็ตาม
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน สมุททวาณิช ชาดก ว่า.....
“อนาคตํ ปฏิกยิราถ กิจฺจํ
มา มํ กิจฺจํ กิจฺจกาเล พฺยเธสิ
ตํ ตาทิสํ ปฏิกตกิจฺจการิํ
น ตํ กิจฺจํ กิจฺจกาเล พฺยเธสิ
บัณฑิต พึงรีบทํากิจที่ควรทําก่อน อย่าให้กิจที่ต้องทํา
เบียดเบียนตัวได้ในเวลาที่ต้องการ
กิจนั้นไม่เบียดเบียน บุคคลผู้รีบทํากิจที่ควรทําเช่นนั้น
ในเวลาที่ต้องการ”
การดําเนินชีวิตเพื่อไปสู่หนทางที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สําคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้นําประเทศ จนถึงผู้นําสถาบันครอบครัว ล้วนมีความสําคัญทั้งสิ้น เพราะจุดแปรเปลี่ยนของความเจริญ และความเสื่อมอยู่ที่ผู้นํา ผู้นําที่ดีย่อมจะนําไปสู่ความเจริญ ความผาสุก ตรงกันข้ามหากผู้นําไม่ดี ย่อมนําไปสู่ความหายนะ นําไปสู่ภัยพิบัติ หากเราได้ผู้นําที่ดีไม่ประมาท มีสติปัญญาเห็นโทษภัยแม้เพียงเล็กน้อย แม้อยู่ในห้วงวิกฤตก็สามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสที่ดีได้
บุคคลผู้ไม่ประมาทในชีวิตนั้น หากมีกิจการงานใดๆ ที่ต้องทํา บุคคลนั้นจะรีบกระทํา อีกทั้งไม่ดูเบา แม้ภัยเพียงเล็กน้อย เมื่อทําแล้วประโยชน์สุขย่อมบังเกิดขึ้นกับหมู่คณะของตนด้วย
เพราะฉะนั้น การฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้นําที่ดีเป็นสิ่งที่สําคัญยิ่ง เราจะปล่อยให้เพื่อนร่วมโลกของเราถูกแนะนําโดยคนพาล แล้วไปพบกับความหายนะ พบกับความทุกข์ทรมาน หรือ บางครั้งแต่ละคนที่ใช้ชีวิตของตนอย่างประมาทอยู่แล้วนั้น ยังถูกชักนําไปในทางเสื่อมอีก บุคคลเหล่านั้นจะพบกับความทุกข์ ความลําบากสักเพียงใด ดังมีตัวอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตดังนี้
เพราะฉะนั้น การฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้นําที่ดีเป็นสิ่งที่สําคัญยิ่ง เราจะปล่อยให้เพื่อนร่วมโลกของเราถูกแนะนําโดยคนพาล แล้วไปพบกับความหายนะ พบกับความทุกข์ทรมาน หรือ บางครั้งแต่ละคนที่ใช้ชีวิตของตนอย่างประมาทอยู่แล้วนั้น ยังถูกชักนําไปในทางเสื่อมอีก บุคคลเหล่านั้นจะพบกับความทุกข์ ความลําบากสักเพียงใด ดังมีตัวอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตดังนี้
ครั้งที่พระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี ไม่ไกลจากตัวเมือง มีหมู่บ้านช่างไม้ ๑,๐๐๐ ครอบครัว พวกช่างไม้ ได้กู้หนี้ยืมสินไว้มาก ไม่สามารถใช้คืนเจ้าหนี้ได้ จึงพากันหนี ไปอยู่ที่อื่น ได้ชวนกันเข้าป่าเพื่อไปตัดไม้ มาต่อเป็นเรือขนาดใหญ่
ครั้นตกกลางคืนต่างพาบุตรและภรรยาของตนขึ้นเรือ เรือถูกกระแสลมพัดพาไป จนถึงเกาะแห่งหนึ่ง ท่ามกลางมหาสมุทร เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
บนเกาะนั้นมีชายคนหนึ่งอาศัยอยู่เนื่องจากเรืออับปางระหว่างทาง บนเกาะนี้เขาเลี้ยงชีวิตด้วยข้าวสาลี เคี้ยวกินอ้อย เป็นต้น จึงมีร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่เปลือยกาย มีผมและ หนวดเครารกรุงรัง เมื่อพวกช่างไม้ไปถึง ต่างคิดว่า ถ้าเกาะนี้ มีรากษสคุ้มครอง พวกเราทั้งหมดต้องถึงความพินาศเป็นแน่แท้ พวกเราต้องสํารวจเกาะนี้ให้ดีเสียก่อน จึงส่งบุรุษ ๗-๘ คน ที่กล้าหาญแข็งแรง ให้ตระเตรียมอาวุธครบมือ เพื่อไปสํารวจให้ทั่วทั้งเกาะ
ขณะเดียวกัน บุรุษคนนั้นกําลังบริโภคอาหารเช้า แล้วดื่มน้ำอ้อย นอนร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์บนพื้นทราย อันน่ารื่นรมย์ พวกที่สํารวจเกาะได้ยินเสียงเพลงจึงเดินตามเสียงนั้นไป พบบุรุษนั้นเข้า ก็ตกใจกลัวคิดว่าต้องเป็นยักษ์แน่ ๆ ต่างง้างธนูเตรียมจะยิง
เมื่อบุรุษนั้นเห็นคนง้างธนู ด้วยความกลัว จะถูกฆ่า จึงวิงวอนว่า “ฉันไม่ใช่ยักษ์ ฉันเป็นคนธรรมดา โปรดไว้ชีวิตฉันเถิด” อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนเหล่านั้นแน่ใจว่า เป็นมนุษย์
คนเหล่านั้นได้พูดคุยซักถามถึงสาเหตุที่มาอาศัยอยู่บนเกาะนี้ เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พลางพูดว่า “พวกท่านมา ถึงที่นี้ได้ด้วยบุญของตน เพราะเกาะนี้เป็นเกาะอุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องลงมือทําการงานใด ๆ ก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย ข้าวสาลี เกิดขึ้นเอง ขอเชิญพวกท่านอยู่กันอย่างสบายใจเถิด”
ครั้นถูก ถามว่า... แล้วอันตรายอย่างอื่นไม่มีหรือ เขาตอบว่า “ภัยอย่างอื่น ไม่มีหรอก แต่เกาะนี้มีอมนุษย์ครอบครอง หากพวกอมนุษย์เห็น อุจจาระและปัสสาวะของพวกท่านเลอะเทอะ พวกอมนุษย์จะโกรธมาก ฉะนั้นเวลาจะขับถ่าย จึงขุดหลุมทรายแล้วเอา ทรายกลบด้วย ภัยบนเกาะนี้มีเพียงเท่านี้แหละ พวกท่านอย่า เผลอเรอล่ะ”
ตั้งแต่นั้นมา พวกช่างไม้อาศัยอยู่บนเกาะนั้นอย่างสุข สบาย ในบรรดาช่างไม้ทั้ง ๑,๐๐๐ ครอบครัว มีช่างไม้ ๒ คน เป็นหัวหน้า แบ่งเป็นฝ่ายละ ๕๐๐ ครอบครัว หัวหน้าทั้งสองนั้น คนหนึ่งเป็นพาลมัวเมาในรส คนหนึ่งเป็นบัณฑิต
วันหนึ่งพวก ฝ่ายพาลคิดว่า ...พวกเราไม่ได้ดื่มสุรามานานแล้ว เรามาทําเมรัย ด้วยน้ำอ้อยดื่มกันเถิด จากนั้น พวกเขาช่วยกันทําสุราเมรัยดื่มกัน พากันร้องรําทําเพลงขับถ่ายแล้วไม่กลบ ทําให้เกาะนั้นสกปรก เหล่าเทวดาโกรธคนพวกนี้ที่ทําสถานที่ให้สกปรก จึงคิดจะให้น้ำทะเลท่วมเกาะ โดยกําหนดเอาวันเพ็ญอุโบสถ อีก ๑๕ วัน จากนี้ไป จะให้น้ำทะเลท่วมฆ่าพวกมนุษย์ให้หมดทีเดียว
เทพบุตรองค์หนึ่งเป็นผู้ทรงธรรม มีความเมตตาสงสาร จึงประดับกายด้วยอาภรณ์ทั้งปวง ทําเกาะให้สว่างทั่วทั้งเกาะ ยืนอยู่กลางอากาศด้านทิศเหนือ กล่าวว่า... “ช่างไม้เอ๋ย พวก เทวดาพากันโกรธพวกท่าน พวกท่านอย่าอยู่ที่นี่เลย เพราะล่วงไม่ถึงเดือนนับจากนี้ไป พวกเทวดาจะบันดาลให้น้ำทะเลท่วมเกาะ เพื่อฆ่าพวกท่านทั้งหมด พวกท่านจงพากันออกจากเกาะนี้ หนีไปเสียเถิด”
เมื่อกล่าวแล้วเทพบุตรก็กลับไป ครั้นเทพบุตร ไปแล้ว เทพบุตรอีกองค์หนึ่งซึ่งมีใจเหี้ยมโหดคิดว่า ถ้าพวกนี้เชื่อถ้อยคําของเทพบุตรองค์นี้ จะพากันหนีไปหมด เราต้องห้ามพวกเขาไว้ เพื่อให้พวกเขาถึงความพินาศกันทั้งหมด เทพบุตรจึงประดับเครื่องประดับที่อลังการอันเป็นทิพย์ ยืนอยู่กลางอากาศด้านทิศทักษิณ ถามพวกช่างไม้ว่า “เทพบุตรองค์หนึ่งมา ที่นี่หรือ”
ครั้นพวกนั้นตอบว่ามาจริงๆ เทพบุตรรีบถามว่า “เขา พูดอะไรกับพวกเธอเล่า” พวกช่างไม้ตอบว่า “มาบอกเรื่องน้ำจะท่วมเกาะ” เทพบุตรพูดว่า “เพราะเขาไม่อยากให้พวกเธออยู่ที่นี่ จึงพูดด้วยความเคียดแค้น พวกเธอไม่ต้องไปที่อื่นหรอก อยู่ที่นี่ เหมือนเดิม ไม่ต้องไปไหนหรอก” จากนั้นก็อันตรธานจากไป
เมื่อกล่าวแล้วเทพบุตรก็กลับไป ครั้นเทพบุตร ไปแล้ว เทพบุตรอีกองค์หนึ่งซึ่งมีใจเหี้ยมโหดคิดว่า ถ้าพวกนี้เชื่อถ้อยคําของเทพบุตรองค์นี้ จะพากันหนีไปหมด เราต้องห้ามพวกเขาไว้ เพื่อให้พวกเขาถึงความพินาศกันทั้งหมด เทพบุตรจึงประดับเครื่องประดับที่อลังการอันเป็นทิพย์ ยืนอยู่กลางอากาศด้านทิศทักษิณ ถามพวกช่างไม้ว่า “เทพบุตรองค์หนึ่งมา ที่นี่หรือ”
ครั้นพวกนั้นตอบว่ามาจริงๆ เทพบุตรรีบถามว่า “เขา พูดอะไรกับพวกเธอเล่า” พวกช่างไม้ตอบว่า “มาบอกเรื่องน้ำจะท่วมเกาะ” เทพบุตรพูดว่า “เพราะเขาไม่อยากให้พวกเธออยู่ที่นี่ จึงพูดด้วยความเคียดแค้น พวกเธอไม่ต้องไปที่อื่นหรอก อยู่ที่นี่ เหมือนเดิม ไม่ต้องไปไหนหรอก” จากนั้นก็อันตรธานจากไป
หัวหน้าช่างไม้ที่เป็นพาลฟังถ้อยคําของเทพบุตร ผู้เหี้ยมโหดก็เชื่อ จึงบอกพวกช่างที่เหลือว่า “เทพบุตรในทิศอุดร กลัวพวกเราจะสบายเกินไป จึงหาทางแกล้งพวกเรา ส่วนเทพบุตรด้านทิศทักษิณนี้ อยากให้พวกเราสบาย พวกเราอยู่ที่นี้ ต่อไปเถิด” พวกช่างไม้ ๕๐๐ คนที่หมกมุ่นในรส ต่างเชื่อถ้อยคํา ของหัวหน้าช่างไม้นั้น
พวกช่างไม้ผู้ฉลาดจึงชวนกันต่อเรือ พวกเขาบรรทุก เครื่องอุปกรณ์พร้อมสรรพ แล้วมาพักอยู่ในเรือ ครั้นถึงวันเพ็ญ คลื่นได้ชัดขึ้นจากท้องทะเล เริ่มจากมีประมาณเพียงเข่า ซัดล้างเกาะก่อน ช่างไม้ผู้บัณฑิตรู้ถึงอันตรายแห่งท้องทะเล รีบปล่อย เรือออกทะเลไป แต่ครอบครัวอีก ๕๐๐ ซึ่งเป็นพวกช่างไม้พาล ต่างพากันพูดว่า คลื่นจากท้องทะเลซัดสาดมาเพื่อจะล้างเกาะเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นคลื่นในท้องทะเลได้ชัดสาดจนถึงสะเอว เพียงชั่วคน เพียงชั่วลําตาล น้ำทะเลได้พัดพาคนพาลเหล่านั้น ถึงแก่ความตายทั้งหมด ส่วนช่างไม้ผู้เป็นบัณฑิต และหมู่คณะ สามารถหนีรอดไปได้โดยปลอดภัย ช่างไม้ที่ถึงความย่อยยับ เพราะประมาท มองไม่เห็นภัยในเบื้องหน้า จึงพากันพินาศ หมดสิ้น
หลังจากนั้นคลื่นในท้องทะเลได้ชัดสาดจนถึงสะเอว เพียงชั่วคน เพียงชั่วลําตาล น้ำทะเลได้พัดพาคนพาลเหล่านั้น ถึงแก่ความตายทั้งหมด ส่วนช่างไม้ผู้เป็นบัณฑิต และหมู่คณะ สามารถหนีรอดไปได้โดยปลอดภัย ช่างไม้ที่ถึงความย่อยยับ เพราะประมาท มองไม่เห็นภัยในเบื้องหน้า จึงพากันพินาศ หมดสิ้น
จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ความไม่ประมาท เตรียมตัวให้ พร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์นั้น นอกจากจะได้ชื่อว่า เป็นอยู่อย่างผู้มีสติปัญญาแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ด้วยความสุข มีความสมหวัง และปลอดภัยอีกด้วย การเตรียมพร้อมที่ดี เป็นการรับประกันความสําเร็จในชีวิต ชีวิตจะมีความสุข และสมหวังได้นั้น ต้องมีการเตรียมพร้อมไว้เสมอ โดยเฉพาะ ความพร้อมในการเดินทางไกลในวัฏสงสาร ยิ่งต้องมีความพร้อมเสมอ เพราะการเดินทางในวัฏสงสารไม่ใช่เรื่องพอดีพอร้าย แต่เป็นความทุกข์ปนความสุขที่ยาวนานมากๆ
ถ้าเราเตรียมพร้อมเสมอ นั่นหมายถึงเราจะได้พบกับ ความสุข และความสําเร็จตลอดกาลนาน แต่หากเราประมาท ไม่เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงคราวหลับตาลาโลก นั่นหมายถึง เราจะต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัสในสัมปรายภพยาวนาน การเตรียมตัวให้พร้อมในการเดินทางไกลในวัฏสงสาร คือการสร้างบุญบารมีนั่นเอง
การสร้างเรือของกลุ่มคนผู้ช่างไม้ผู้ไม่ประมาท แล้วรอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมได้ฉันใด การสร้างบารมีด้วยการ ทําทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาเป็นต้นก็ฉันนั้น เพราะบารมีเหล่านี้เปรียบเสมือนนาวาแห่งธรรม ที่จะนําพาเรา ไปสู่ฝั่งอันปลอดภัย คือนิพพานนั่นเอง
การสร้างเรือของกลุ่มคนผู้ช่างไม้ผู้ไม่ประมาท แล้วรอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมได้ฉันใด การสร้างบารมีด้วยการ ทําทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาเป็นต้นก็ฉันนั้น เพราะบารมีเหล่านี้เปรียบเสมือนนาวาแห่งธรรม ที่จะนําพาเรา ไปสู่ฝั่งอันปลอดภัย คือนิพพานนั่นเอง
********************************************
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๓ หน้า ๑๙๑-๑๙๙
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๖๐ หน้า ๑๓๕
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๖๐ หน้า ๑๓๕
สาธุ ขอกราบขอบพระคุณชาดกที่ดีและมีประโยชน์ต่อชีวิต สาธุ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบ