วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2562



เรื่องของพระโกณฑธานเถระ 
 ผู้มีสตรีติดตามอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา  

พระโกณฑธาน ถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ ในพระนครสาวัตถี เมื่อเจริญเติบโตแล้ว ได้เข้าศึกษา ตามธรรมเนียมของพวกพราหมณ์จนจบไตรเพท หลังจากนั้นได้มาบวชในพระพุทธศาสนา  ตั้งแต่วันที่ท่านบวช  จะมีมหาชนได้เห็นรูปหญิงสาวติดตามไปข้างหลังของท่านตลอด   แต่ตัวท่านเองมองไม่เห็นรูปนั้น 

เมื่อท่านออกบิณฑบาต ชาวบ้านที่จิตใจดี ก็ได้ถวายทานสองส่วน   โดยบอกว่า  ส่วนนี้ถวายท่าน สำหรับส่วนนี้ให้หญิงสาวสหายของท่าน  ตั้งแต่นั้นจึงได้รับสมญานามว่า.... โกณฑธาน 

สำหรับพระภิกษุ    เห็นอาการเช่นนั้นก็เกิดความรังเกียจ  กลัวความเสื่อมเสียเกิดขึ้นกับหมู่คณะ  จึงบอกให้อนาถปิณฑิกเศรษฐี และนางวิสาขา มหาอุบาสิกา ขับไล่ออกจากวัด แต่ ทั้งเศรษฐีทั้งสองก็ไม่ได้ทำ  จึงเข้าไปกราบทูลพระเจ้าปเสนทิโกศล 

เมื่อพระองค์ได้ฟังเช่นนั้นก็เสด็จมายังเชตวนารามทรงให้ทหารล้อมกุฏิของพระโกณฑธานไว้ พระองค์เฝ้ามองไปที่ด้านหน้าของกุฏินั้น ส่วนพระโกณฑธานได้ยินเสียงดังจึงออกมายืนดูที่หน้ามุข ทันใดนั้นพระราชาก็ทรงมองเห็นว่ามีสตรียืนข้างหลังของพระโกณฑธานพระราชาทรงเข้าไปหาสตรีนั้น แต่ไม่เห็น  จึงตรัสถามว่า
“สตรีนั้นไปอยู่ที่ไหน 

คนทั้งหลายก็พูดกันอย่างนี้เหมือนกัน   แต่อาตมภาพไม่เห็นสตรีนั้นเลย”

พระราชาจึงขอให้พระโกณฑธานลองไปยืนที่หน้ามุขอีกครั้ง  พระองค์ก็ทอดพระเนตรเห็นสตรีนั้นอีก จึงทรงแน่พระทัยว่าเป็นภาพหลอกตาาใช่สตรีจริงไม่ จึงตรัสกับพระโกณฑธานด้วยความกรุณาว่า
“พระคุณเจ้า การที่มีรูปอันเศร้าหมองแก่สมณเพศ  เที่ยวติดตามอยู่เช่นนี้ไม่เป็นมงคลคนทั้งหลายจะไม่ถวายอาหารแก่ท่านขอท่านจงเข้าไปในพระราชวังเป็นเนืองนิตย์  เพื่อรับอาหารบิณฑบาตจากข้าพเจ้าด้วยเถิด”เมื่อกล่าวแล้วก็เสด็จกลับไป

พระภิกษุทั้งหลาย รู้สึกไม่พอใจพระราชา  ...จุดประสงค์เดิม ต้องการให้ไล่พระโกณฑธาน  แต่พระองค์กลับมาอุปัฏฐากดูแลอย่างดี   ...และพากันตำหนิพระโกณฑธาน  

...ฝ่ายพระโกณฑธาน ก่อนหน้านี้ไม่เคยโต้ตอบใคร แต่มาบัดนี้เห็นว่าพระราชาสนับสนุนก็กำเริบใจกล่าวโต้ตอบภิกษุว่า“พวกท่านนั่นแหละเป็นผู้ทุศีล   พวกท่านเป็นคนชั่วช้า  และพาผู้หญิงเที่ยวไป”

พระภิกษุทั้งหลายจึงนำความนั้นกราบทูลพระศาสดา พระองค์ทรงเรียกภิกษุมาไต่ถามทั้งสองฝ่ายแล้ว จึงตรัสกับพระโกณฑธานว่า

“พระภิกษุเหล่านั้นเห็นหญิงเที่ยวไปกับเธอจึงกล่าวเช่นนั้น แต่เธอไม่เห็นหญิงเที่ยวไปกับพระภิกษุเหล่านั้นเลย เหตุไฉนจึงไปด่าว่าเขา

การที่เธอมีภาพหญิงเที่ยวติดตามไปเบื้องหลังนั้น เป็นเพราะกรรมอันลามกของเธอในอดีต เหตุไฉนในบัดนี้จึงถือทิฏฐิชั่วอีกเล่า”

 พระภิกษุทรงขอให้พระพุทธองค์ ทรงเล่าถึงบุพกรรมของพระโกณฑธาน  ... พระองค์ทรงเล่าว่า

ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ มีพระภิกษุ 2 รูปเป็นสหายรักใคร่กลมเกลียวเอื้อเฟื้อแบ่งปันเสมือนหนึ่งว่าเกิดจากครรภ์มารดาเดียวกันวันหนึ่งพระภิกษุ 2 รูปนั้นจะไปทำอุโบสถที่โรงอุโบสถระหว่างทางพระภิกษุรูปหนึ่งปวดอุจจาระจึงบอกสหายให้คอยอยู่ก่อนส่วนตนจะขอแวะทำสรีรกิจในพุ่มไม้

ขณะนั้น มีเทวดาผู้มีนิสัยเกเร เห็นพระภิกษุทั้งสองรูปรักใคร่กลมเกลียวกันยิ่งนัก อยากจะให้แตกกันจึงปลอมเพศเป็นหญิงสาวสวย  เมื่อพระภิกษุรูปนั้นทำสรีรกิจเสร็จแล้วเดินออกมาเทวดาในรูปของหญิงสาวจงใจเดินตามออกมาจากพุ่มไม้ด้วย เพื่อให้พระภิกษุที่คอยอยู่เห็น   เมื่อรู้ว่าเห็นแล้วก็ซ่อนกายหายไปจากที่ตรงนั้น

เมื่อพระภิกษุรูปนั้นเดินเข้ามาใกล้ พระภิกษุผู้รอคอยได้กล่าวขึ้นว่า“ผู้มีอายุศีลของท่านวิบัติเสียแล้ว”

พระภิกษุ.. “ทำไมหรือท่าน” 

พระภิกษุผู้รอคอย “ข้าพเจ้าเห็นหญิงรุ่นสาวคนหนึ่งเดินตามหลังท่านออกมาจากพุ่มไม้ เธอเกล้าผมเสียใหม่และจัดแจงผ้านุ่งให้เรียบร้อย การเข้าไปของท่านก็มิใช่ประเดี๋ยวประด๋าวอาการอย่างนี้จะให้หมายความว่าอย่างไรนอกจากศีลของท่านได้ถึงความวิบัติกับสตรีนั้นแล้ว ท่านอย่าปฏิเสธเลยข้าพเจ้าเห็นกับตาตัวเอง”

พระภิกษุ  ....ตกใจเป็นอันมาก กล่าวว่า“ท่านอย่าให้ข้าพเจ้าต้องวิบัติเลยข้าพเจ้ามิได้ทำกรรมอย่างนั้นจริงๆ”


เมื่อเดินทางมาถึงอุโบสถ ก็ไม่ปรารถนาจะทำอุโบสถร่วมด้วยเพราะถือว่าพระภิกษุอีกรูปหนึ่งไม่มีศีลเสียแล้วท่านได้บอกแก่สงฆ์ว่าได้เห็นมาอย่างไรส่วนภิกษุผู้ถูกกล่าวหาได้พยายามชี้แจงว่ามิได้ทำกรรมอย่างนั้นจึงอ้อนวอนขอความเห็นใจจากสงฆ์

ฝ่ายเทวดาที่กลั่นแกล้ง เมื่อเห็นเรื่องเลยเถิดไปอย่างนั้น   ก็เกิดร้อนตัวกลัวกรรมจึงยืนอยู่ในอากาศเล่าความจริงทั้งหมดให้เหล่าพระภิกษุฟังและขอให้พระภิกษุทั้งสองจงทำอุโบสถร่วมกันเถิด

เมื่อได้ฟังอย่างนั้น ภิกษุจึงยอมทำอุโบสถร่วมแต่ความสนิทชิดเชื้อไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว    เมื่อสิ้นอายุ พระภิกษุทั้งสองบังเกิดในเทวโลกส่วนเทวดาอันธพาลนั้น   ไปเกิดในอเวจีมหานรกอยู่หนึ่งพุทธันดรกลับมาเกิดใหม่เป็นพระโกณฑธานเถระ  ที่มีผู้หญิงตามหลังตลอดเวลา

พระศาสดา ได้ตรัสเตือนพระโกณฑธานว่า

“เธออาศัยกรรมอันชั่วช้าของตน จึงได้รับผลอันแปลกประหลาดเช่นนี้ บัดนี้ไม่ควรถือทิฏฐิชั่ว กล่าวคำหยาบกับใคร เพราะเมื่อเขาถูกด่าว่าก็จะด่าว่าท่านตอบมาอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์โทษต่างๆจะหวนกลับมาถึงตัวท่านถ้าท่านทำตนไม่ให้หวั่นไหว (อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่มีปากไม่มีเสียง) เหมือนกังสดาล (ระฆัง) ที่ปากขาดแล้ว  ท่านก็จะถึงนิพพาน”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พระโกณฑธานก็ตั้งตนอยู่ในโอวาทของพระศาสดาไม่นานนักก็ได้บรรลุอรหัตตผล

ต่อมาพระบรมศาสดาทรงยกย่องท่านว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้จับสลากเป็นปฐม


ข้อคิด....ที่ได้ในเรื่องนี้ ...
1. ผลของกรรมที่ทำนั้นไม่ไปไหน...หากต้องรับผลของกรรมนั้น.   จะเห็นได้ว่า เทวดาอาจจะทำเพื่อการล้อเล่น   หรือทดสอบความรักที่เพื่อนมีต่อกัน เท่านั้น แต่ที่เป็นกรรมหนักเพราะทำให้พระสงฆ์แตกแยกกัน แม้ว่าได้กระทำกรรมนี้เพียงช่วงสั้น ๆ   ในเวลาที่ รอการลงอุโบสถร่วมกัน    .แม้ว่า.เทวดาอันธพาล  ได้สำนึกผิด  กลัวกรรม  ..และมีการรับสารภาพแล้วว่าตนเป็นคนทำ  ...แต่ผลของกรรมนั้น   ยังส่งผลตกอเวจีมหานรกถึง 1 พุทธันดร  

2.การตัดสินคนอื่น อย่าเชื่อฟังตาม ๆ กันมา  หรือ จากสื่อต่าง ๆ แม้ว่าเห็นกับตาตัวเอง ก็ใช่ว่าจะถูกต้อง 100 %  มีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย  เพราะฉะนั้นทางที่ดี  ต้องพิจารณาไตร่ตรอง  อย่าด่วนในการตัดสินใครว่าผิดโดยที่ไม่ทราบข้อมูลจริง ๆ 

3.เราต้องรักกัน  มีความจริงใจกัน และเชื่อใจกัน  ให้มาก ๆ   มีสัจจะ  พูดอย่างไร  ทำอย่างนั้น  ทำอย่างไร  พูดอย่างนั้น  จะได้ไม่เป็นเครื่องมือของเทวดาที่เป็นพาลได้ ...

4...ต้องอธิษฐานว่า ...อย่าได้เจอคนภัย คนพาลทั้งหลาย  แม้แต่เทวดาก็อย่าได้เจอ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศาสดาเอกของโลก (๑)

ศาสดาเอกของโลก   (๑)                  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากกิเลสอาสวะ กิจที่จะทำยิ่...