เรื่องของพระโกณฑธานเถระ
ผู้มีสตรีติดตามอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา
พระโกณฑธาน ถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ ในพระนครสาวัตถี
เมื่อเจริญเติบโตแล้ว ได้เข้าศึกษา ตามธรรมเนียมของพวกพราหมณ์จนจบไตรเพท หลังจากนั้นได้มาบวชในพระพุทธศาสนา
ตั้งแต่วันที่ท่านบวช จะมีมหาชนได้เห็นรูปหญิงสาวติดตามไปข้างหลังของท่านตลอด
แต่ตัวท่านเองมองไม่เห็นรูปนั้น
เมื่อท่านออกบิณฑบาต ชาวบ้านที่จิตใจดี ก็ได้ถวายทานสองส่วน โดยบอกว่า ส่วนนี้ถวายท่าน
สำหรับส่วนนี้ให้หญิงสาวสหายของท่าน ตั้งแต่นั้นจึงได้รับสมญานามว่า....
โกณฑธาน
สำหรับพระภิกษุ เห็นอาการเช่นนั้นก็เกิดความรังเกียจ
กลัวความเสื่อมเสียเกิดขึ้นกับหมู่คณะ จึงบอกให้อนาถปิณฑิกเศรษฐี และนางวิสาขา
มหาอุบาสิกา ขับไล่ออกจากวัด แต่ ทั้งเศรษฐีทั้งสองก็ไม่ได้ทำ จึงเข้าไปกราบทูลพระเจ้าปเสนทิโกศล
เมื่อพระองค์ได้ฟังเช่นนั้นก็เสด็จมายังเชตวนาราม ทรงให้ทหารล้อมกุฏิของพระโกณฑธานไว้ พระองค์เฝ้ามองไปที่ด้านหน้าของกุฏินั้น ส่วนพระโกณฑธานได้ยินเสียงดังจึงออกมายืนดูที่หน้ามุข ทันใดนั้นพระราชาก็ทรงมองเห็นว่ามีสตรียืนข้างหลังของพระโกณฑธาน พระราชาทรงเข้าไปหาสตรีนั้น
แต่ไม่เห็น จึงตรัสถามว่า
“สตรีนั้นไปอยู่ที่ไหน ”
“คนทั้งหลายก็พูดกันอย่างนี้เหมือนกัน แต่อาตมภาพไม่เห็นสตรีนั้นเลย”
พระราชาจึงขอให้พระโกณฑธานลองไปยืนที่หน้ามุขอีกครั้ง พระองค์ก็ทอดพระเนตรเห็นสตรีนั้นอีก จึงทรงแน่พระทัยว่าเป็นภาพหลอกตา หาใช่สตรีจริงไม่ จึงตรัสกับพระโกณฑธานด้วยความกรุณาว่า
“พระคุณเจ้า การที่มีรูปอันเศร้าหมองแก่สมณเพศ
เที่ยวติดตามอยู่เช่นนี้ไม่เป็นมงคล คนทั้งหลายจะไม่ถวายอาหารแก่ท่าน ขอท่านจงเข้าไปในพระราชวังเป็นเนืองนิตย์ เพื่อรับอาหารบิณฑบาตจากข้าพเจ้าด้วยเถิด” เมื่อกล่าวแล้วก็เสด็จกลับไป
พระภิกษุทั้งหลาย รู้สึกไม่พอใจพระราชา ...จุดประสงค์เดิม ต้องการให้ไล่พระโกณฑธาน แต่พระองค์กลับมาอุปัฏฐากดูแลอย่างดี ...และพากันตำหนิพระโกณฑธาน
...ฝ่ายพระโกณฑธาน ก่อนหน้านี้ไม่เคยโต้ตอบใคร แต่มาบัดนี้ เห็นว่าพระราชาสนับสนุนก็กำเริบใจ กล่าวโต้ตอบภิกษุว่า “พวกท่านนั่นแหละเป็นผู้ทุศีล พวกท่านเป็นคนชั่วช้า และพาผู้หญิงเที่ยวไป”
พระภิกษุทั้งหลายจึงนำความนั้นกราบทูลพระศาสดา พระองค์ทรงเรียกภิกษุมาไต่ถามทั้งสองฝ่ายแล้ว จึงตรัสกับพระโกณฑธานว่า
“พระภิกษุเหล่านั้นเห็นหญิงเที่ยวไปกับเธอจึงกล่าวเช่นนั้น
แต่เธอไม่เห็นหญิงเที่ยวไปกับพระภิกษุเหล่านั้นเลย เหตุไฉนจึงไปด่าว่าเขา
การที่เธอมีภาพหญิงเที่ยวติดตามไปเบื้องหลังนั้น เป็นเพราะกรรมอันลามกของเธอในอดีต เหตุไฉนในบัดนี้จึงถือทิฏฐิชั่วอีกเล่า”
พระภิกษุทรงขอให้พระพุทธองค์ ทรงเล่าถึงบุพกรรมของพระโกณฑธาน ... พระองค์ทรงเล่าว่า
ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ มีพระภิกษุ 2 รูปเป็นสหายรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อแบ่งปันเสมือนหนึ่งว่าเกิดจากครรภ์มารดาเดียวกัน วันหนึ่งพระภิกษุ 2 รูปนั้นจะไปทำอุโบสถที่โรงอุโบสถ ระหว่างทาง พระภิกษุรูปหนึ่งปวดอุจจาระ จึงบอกสหายให้คอยอยู่ก่อน ส่วนตนจะขอแวะทำสรีรกิจในพุ่มไม้
ขณะนั้น มีเทวดาผู้มีนิสัยเกเร เห็นพระภิกษุทั้งสองรูปรักใคร่กลมเกลียวกันยิ่งนัก อยากจะให้แตกกัน จึงปลอมเพศเป็นหญิงสาวสวย เมื่อพระภิกษุรูปนั้นทำสรีรกิจเสร็จแล้วเดินออกมา เทวดาในรูปของหญิงสาวจงใจเดินตามออกมาจากพุ่มไม้ด้วย เพื่อให้พระภิกษุที่คอยอยู่เห็น
เมื่อรู้ว่าเห็นแล้ว ก็ซ่อนกายหายไปจากที่ตรงนั้น
เมื่อพระภิกษุรูปนั้นเดินเข้ามาใกล้ พระภิกษุผู้รอคอยได้กล่าวขึ้นว่า “ผู้มีอายุ ศีลของท่านวิบัติเสียแล้ว”
พระภิกษุ.. “ทำไมหรือท่าน”
พระภิกษุผู้รอคอย …“ข้าพเจ้าเห็นหญิงรุ่นสาวคนหนึ่งเดินตามหลังท่านออกมาจากพุ่มไม้ เธอเกล้าผมเสียใหม่และจัดแจงผ้านุ่งให้เรียบร้อย การเข้าไปของท่านก็มิใช่ประเดี๋ยวประด๋าว อาการอย่างนี้จะให้หมายความว่าอย่างไร นอกจากศีลของท่านได้ถึงความวิบัติกับสตรีนั้นแล้ว ท่านอย่าปฏิเสธเลย ข้าพเจ้าเห็นกับตาตัวเอง”
พระภิกษุ ....ตกใจเป็นอันมาก กล่าวว่า “ท่านอย่าให้ข้าพเจ้าต้องวิบัติเลย ข้าพเจ้ามิได้ทำกรรมอย่างนั้นจริงๆ”
เมื่อเดินทางมาถึงอุโบสถ ก็ไม่ปรารถนาจะทำอุโบสถร่วมด้วย เพราะถือว่าพระภิกษุอีกรูปหนึ่งไม่มีศีลเสียแล้ว ท่านได้บอกแก่สงฆ์ว่าได้เห็นมาอย่างไร ส่วนภิกษุผู้ถูกกล่าวหาได้พยายามชี้แจงว่ามิได้ทำกรรมอย่างนั้น จึงอ้อนวอนขอความเห็นใจจากสงฆ์
ฝ่ายเทวดาที่กลั่นแกล้ง เมื่อเห็นเรื่องเลยเถิดไปอย่างนั้น ก็เกิดร้อนตัวกลัวกรรม จึงยืนอยู่ในอากาศเล่าความจริงทั้งหมดให้เหล่าพระภิกษุฟัง และขอให้พระภิกษุทั้งสองจงทำอุโบสถร่วมกันเถิด
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น ภิกษุจึงยอมทำอุโบสถร่วม แต่ความสนิทชิดเชื้อไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว เมื่อสิ้นอายุ พระภิกษุทั้งสองบังเกิดในเทวโลก ส่วนเทวดาอันธพาลนั้น ไปเกิดในอเวจีมหานรก อยู่หนึ่งพุทธันดร กลับมาเกิดใหม่เป็นพระโกณฑธานเถระ
ที่มีผู้หญิงตามหลังตลอดเวลา
พระศาสดา ได้ตรัสเตือนพระโกณฑธานว่า
“เธออาศัยกรรมอันชั่วช้าของตน
จึงได้รับผลอันแปลกประหลาดเช่นนี้ บัดนี้ไม่ควรถือทิฏฐิชั่ว กล่าวคำหยาบกับใคร ๆ เพราะเมื่อเขาถูกด่าว่า ก็จะด่าว่าท่านตอบมา อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ โทษต่างๆ จะหวนกลับมาถึงตัวท่าน ถ้าท่านทำตนไม่ให้หวั่นไหว (อยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่มีปากไม่มีเสียง) เหมือนกังสดาล (ระฆัง) ที่ปากขาดแล้ว ท่านก็จะถึงนิพพาน”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พระโกณฑธานก็ตั้งตนอยู่ในโอวาทของพระศาสดา ไม่นานนักก็ได้บรรลุอรหัตตผล
ต่อมาพระบรมศาสดาทรงยกย่องท่านว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้จับสลากเป็นปฐม
ข้อคิด....ที่ได้ในเรื่องนี้ ...
1. ผลของกรรมที่ทำนั้นไม่ไปไหน...หากต้องรับผลของกรรมนั้น. จะเห็นได้ว่า เทวดาอาจจะทำเพื่อการล้อเล่น หรือทดสอบความรักที่เพื่อนมีต่อกัน เท่านั้น แต่ที่เป็นกรรมหนักเพราะทำให้พระสงฆ์แตกแยกกัน แม้ว่าได้กระทำกรรมนี้เพียงช่วงสั้น ๆ ในเวลาที่ รอการลงอุโบสถร่วมกัน .แม้ว่า.เทวดาอันธพาล ได้สำนึกผิด กลัวกรรม ..และมีการรับสารภาพแล้วว่าตนเป็นคนทำ ...แต่ผลของกรรมนั้น ยังส่งผลตกอเวจีมหานรกถึง 1 พุทธันดร
2.การตัดสินคนอื่น อย่าเชื่อฟังตาม ๆ กันมา หรือ จากสื่อต่าง ๆ แม้ว่าเห็นกับตาตัวเอง ก็ใช่ว่าจะถูกต้อง 100 % มีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะฉะนั้นทางที่ดี ต้องพิจารณาไตร่ตรอง อย่าด่วนในการตัดสินใครว่าผิดโดยที่ไม่ทราบข้อมูลจริง ๆ
3.เราต้องรักกัน
มีความจริงใจกัน และเชื่อใจกัน
ให้มาก ๆ มีสัจจะ พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น ทำอย่างไร พูดอย่างนั้น จะได้ไม่เป็นเครื่องมือของเทวดาที่เป็นพาลได้ ...
4...ต้องอธิษฐานว่า ...อย่าได้เจอคนภัย คนพาลทั้งหลาย แม้แต่เทวดาก็อย่าได้เจอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น