ความเป็นมาของคาถา... หัวใจเศรษฐี
(อุ อา
กะ สะ)
เรื่องคาถาหัวใจเศรษฐีนี้มาจากทีฆชาณุสูตร มีเรื่องย่อดังนี้..ทีฆชาณุเป็นชายชาวเมืองโกฬิยะ
ได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบทูลถามว่า “ข้าพระองค์เป็นคฤหัสถ์
ยังต้องการแสวงหาความสุขอย่างชาวโลก ต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงลูกน้อง
เลี้ยงเพื่อน ฯลฯ ยังไม่สามารถออกบวชได้อย่างพระองค์ แต่อยากรู้ว่าทำอย่างไร
ถึงจะพอมีความสุขในชีวิตนี้ได้ และเมื่อตายไปแล้วก็ยังมีสุขในชีวิตหน้าได้อีก ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมที่เหมาะแก่ข้าพระองค์
อันจะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในปัจจุบัน เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขในภายหน้าด้วยเถิด”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสตอบถึง
โดยให้หลักธรรม 4 ประการ คือ ความสุขในภพนี้…
1. อุฏฐานสัมปทา หมายถึง ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร
พูดง่ายๆ คือ "หาทรัพย์" เป็น
2. อารักขสัมปทา หมายถึง ถึงพร้อมด้วยการรักษาทรัพย์ พูดง่าย ๆ คือ "เก็บทรัพย์" เป็น
3. กัลยาณมิตตตา หมายถึง ถึงพร้อมด้วยเพื่อนที่ดี พูดง่าย ๆ คือ "สร้างคน" เป็น
4. สมชีวิตา หมายถึง การเลี้ยงชีวิตอย่างเหมาะสม พูดง่าย ๆ คือ "ใช้ทรัพย์"
เป็น
1.
อุฏฐานสัมปทา หมายถึงการเป็นผู้ขยันหมั่นเพียรในการแสวงหาทรัพย์ ก่อนจะได้ทรัพย์มา ต้องศึกษาหาความรู้เพื่อทำงานให้ดี
ไม่เกียจคร้านในการงานที่จะต้องทำ ต้องหนักเอาเบาสู้ในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย
กิจการทั้งหลายต้องรู้จักรับผิดชอบให้สำเร็จลุล่วง แล้วช่วยกันทำเป็นทีม
ประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องพิจารณางานที่จะต้องช่วยกันทำนั้น ให้สามารถทำงานและบริหารงานจนสำเร็จ….อย่างนี้เรียกว่าหาทรัพย์เป็น
2.
อารักขสัมปทา หมายถึง
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยการรักษาคุ้มครองทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร
ด้วยน้ำพักน้ำแรง อาบเหงื่อต่างน้ำ ด้วยสุจริตธรรม ไม่ให้เงินทองรั่วไหล
ระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมิให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
และรู้จักทำให้เงินนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดหรือให้เงินนั้นงอกเงยขึ้นด้วยความชอบธรรม
และพึงรักษาคุ้มครองทรัพย์นั้นด้วยการคิดว่า
จะไม่ให้ถูกราชภัย ไม่ให้ถูกโจรภัย ไม่ให้ถูกภัยธรรมชาติ
และไม่ให้ทายาทผู้ไม่เป็นที่รักมาลักไป …อย่างนี้เรียกว่ารักษาทรัพย์เป็น
3.
กัลยาณมิตตตา หมายถึง การมีเพื่อนเป็นคนดี
ไม่คบคนชั่วเป็นมิตร คบหากับผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
ศีล จาคะ และปัญญา เมื่ออยู่ใกล้ก็จะคอยศึกษาจากคนดีเหล่านั้นในเรื่องศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาแล้วมาปฏิบัติตาม เมื่อทำได้แล้ว
ก็จะถ่ายทอดไปให้กับคนที่ต้องการเป็นคนดีต่อไป จนกว่าคนดี ๆ มีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา เป็นกลุ่มเป็นทีมใหญ่ ๆ ๆ พยายามรักษาเพื่อนดี
ๆ ถนอมน้ำใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือค้ำจุนกันไปทั้งในทางโลกและทางธรรม
รักเพื่อนเหมือนรักตัวเองก็จะได้เพื่อนดี ๆ มาส่งเสริมกันและกัน …อย่างนี้เรียกว่า
สร้างคนเป็น
4.
สมชีวิตา หมายถึง
การเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้ รู้จักกำหนดรายรับและรายจ่าย ไม่สุรุ่ยสุร่าย
ฟุ่มเฟือย หรืออัตคัดขัดสนจนเกินไป ให้รู้จักใช้เงินอย่างคุ้มค่าและเหมาะสม รู้ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งทรัพย์
เลี้ยงชีพแต่พอเหมาะ พอดี คำนวณการใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ รู้ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์…..อย่างนี้เรียกว่าใช้ทรัพย์เป็น
หากได้ประพฤติปฏิบัติตามหลักหัวใจเศรษฐีทั้ง 4 ประการนี้ แล้ว จะได้รับความสุขในภพนี้อย่างดี
ครอบครัวมีความสุข และสามารถเป็น ”มหาเศรษฐี” ผู้มั่งมีเงินทองมหาศาล มีโอกาสสั่งสมบุญบารมีได้อีกมาก และเมื่อถึงคราวประพฤติปฏิบัติธรรม ก็สามารถทำได้โดยง่าย เพราะครอบครัวไม่เดือดร้อนเรื่องทรัพย์สิน
เงินทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น