เรื่อง ลาชเทวธิดา
“บุญ” เป็นพลังงานอันบริสุทธิ์ มีความสำคัญในชีวิตคนเราเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ผ่องใส พ้นจากความเศร้าหมองทั้งหลาย คนมีบุญมาก จะทำให้มีแต่ความสุข และความสำเร็จในชีวิตทั้งในโลกนี้
และในโลกหน้า ดั่งเรื่องราวของนางลาชเทวธิดา ดังนี้
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภนางลาชเทวธิดา
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า “ปุญฺญญฺเจ ปุริโส
กยิรา ” เป็นต้น เรื่องมีอยู่ว่า....
ท่านพระมหากัสสปะ บำเพ็ญสมณธรรมในถ้ำปิปผลิคูหา เข้าฌานสมาบัติ ในวันที่
7 ออกจากฌาน แล้วตรวจดูที่เที่ยวไปเพื่อภิกษาด้วยทิพยจักษุ เห็นกุลธิดารักษานาข้าวสาลี
กำลังเด็ดรวงข้าวสาลีทำข้าวตอกอยู่ รู้ว่ากุลธิดานี้ศรัทธา
ท่านจึงครองบาตรและจีวรไปยืนใกล้นาข้าวสาลี
กุลธิดาเห็นก็มีจิตเลื่อมใส เปี่ยมไปด้วยปีติ กราบนิมนต์พระมหากัสสปะ แล้วใส่บาตรด้วยข้าวตอกที่กำลังทำอยู่นั้น แล้วกราบด้วย เบญจางคประดิษฐ์ พร้อมกับอธิษฐานว่า
ขอให้มีส่วนแห่งธรรมที่พระคุณเจ้าได้เห็นแล้วด้วยเทอญ.. พระเถระได้อนุโมทนาว่า “ความปรารถนาอย่างนั้น จงสำเร็จ”
กุลธิดามีความปีติอย่างมาก นึกถึงผลทานตลอดเวลา ในขณะที่เดินกลับบนคันนามีงูพิษร้ายออกมากัดนาง ทำให้นางเสียชีวิตทันที เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นในวิมานทอง
30 โยชน์ ในภพดาวดึงส์ มีอัตภาพ 300 เส้น ประดับประดาด้วยเครื่องอลังการทุกอย่าง
นางเทพธิดานุ่งและห่มผ้าทิพย์ 12 ศอก แวดล้อมด้วยนางอัปสร 1 พันนาง ใคร่ครวญดูว่า “วิมานประดับด้วยขันทองคำ
เต็มด้วยข้าวตอกทองคำห้อยระย้านั้น มาจากการทำบุญอะไรหนอ” ก็รู้ว่า..ได้ถวายข้าวตอกแด่พระมหากัสสปเถระ จึงคิดว่า “เราได้สมบัติเห็นปานนี้
เพราะกรรมนิดหน่อยอย่างนี้
เราไม่ควรประมาท
เราจะปฏิบัติกับพระเถระ กระทำสมบัตินี้ให้มั่นคง” จึงถือไม้กวาด และกระเช้าสำหรับเทมูลฝอยเป็นทองไปกวาด
บริเวณของพระเถระ และตั้งน้ำใช้ น้ำฉันไว้แต่เช้าตรู่
พระเถระ
เข้าใจว่าภิกษุหรือสามเณรบางรูปมาทำไว้ให้
ในวันที่ 3 เมื่อได้ยินเสียงไม้กวาดและเห็นแสงลอดทางประตู จึงเปิดประตูออกมาดู และถามว่า “ใคร” จึงรู้ว่าเป็นลาชเทวธิดา พระเถระได้ห้ามนางลาชเทวธิดาไม่ให้มาทำอีก
นางเสียใจมาก เหาะขึ้นไปบนอากาศแล้วร้องไห้
พระศาสดา ประทับในพระคันธกุฎี ทรงสดับเสียงร้องไห้นั้นแล้ว ทรงแผ่พระรัศมี
ดุจประทับนั่งตรัสเฉพาะหน้านางลาชเทวธิดา ว่า “เทวธิดา การทำความสังวร นั่นเทียว เป็นภาระของกัสสปะบุตรของเรา,
แต่การกำหนดว่า ‘นี้เป็นประโยชน์ของเรา’ แล้วมุ่งกระทำแต่บุญ
ย่อมเป็นภาระของผู้มีความต้องการด้วยบุญ
ด้วยว่า การทำบุญป็นเหตุให้เกิดสุขอย่างเดียว ทั้งในโลกนี้ และในโลกหน้า ”
พระองค์ทรงตรัสพระคาถาอีกว่า
ปุญฺญญฺเจ
ปุริโส กยิรา กยิราเถนํ
ปุนปฺปุนํ
ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.
“ถ้าบุรุษพึงทำบุญไซร้, พึงทำบุญนั้นบ่อย ๆ
พึงทำความพอใจในบุญนั้น, เพราะการสั่งสมบุญทำให้เกิดสุข”
หลังจากจบพระธรรมเทศนา นางลาชเทวธิดา
ยืนอยู่ในที่สุดทาง 45 โยชน์ ได้บรรลุพระโสดาบัน