วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

เทพธิดาต้องการบุญ



เรื่อง ลาชเทวธิดา
  “บุญ” เป็นพลังงานอันบริสุทธิ์ มีความสำคัญในชีวิตคนเราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ผ่องใส  พ้นจากความเศร้าหมองทั้งหลาย  คนมีบุญมาก จะทำให้มีแต่ความสุข และความสำเร็จในชีวิตทั้งในโลกนี้ และในโลกหน้า ดั่งเรื่องราวของนางลาชเทวธิดา ดังนี้

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภนางลาชเทวธิดา ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า “ปุญฺญญฺเจ  ปุริโส กยิรา ” เป็นต้น เรื่องมีอยู่ว่า....

ท่านพระมหากัสสปะ บำเพ็ญสมณธรรมในถ้ำปิปผลิคูหา เข้าฌานสมาบัติ ในวันที่ 7 ออกจากฌาน  แล้วตรวจดูที่เที่ยวไปเพื่อภิกษาด้วยทิพยจักษุ  เห็นกุลธิดารักษานาข้าวสาลี กำลังเด็ดรวงข้าวสาลีทำข้าวตอกอยู่  รู้ว่ากุลธิดานี้ศรัทธา ท่านจึงครองบาตรและจีวรไปยืนใกล้นาข้าวสาลี  กุลธิดาเห็นก็มีจิตเลื่อมใส เปี่ยมไปด้วยปีติ  กราบนิมนต์พระมหากัสสปะ  แล้วใส่บาตรด้วยข้าวตอกที่กำลังทำอยู่นั้น    แล้วกราบด้วย  เบญจางคประดิษฐ์ พร้อมกับอธิษฐานว่า ขอให้มีส่วนแห่งธรรมที่พระคุณเจ้าได้เห็นแล้วด้วยเทอญ..  พระเถระได้อนุโมทนาว่า  “ความปรารถนาอย่างนั้น จงสำเร็จ”

กุลธิดามีความปีติอย่างมาก  นึกถึงผลทานตลอดเวลา  ในขณะที่เดินกลับบนคันนามีงูพิษร้ายออกมากัดนาง  ทำให้นางเสียชีวิตทันที เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นในวิมานทอง 30 โยชน์ ในภพดาวดึงส์ มีอัตภาพ  300 เส้น ประดับประดาด้วยเครื่องอลังการทุกอย่าง

นางเทพธิดานุ่งและห่มผ้าทิพย์ 12 ศอก แวดล้อมด้วยนางอัปสร 1 พันนาง ใคร่ครวญดูว่า “วิมานประดับด้วยขันทองคำ เต็มด้วยข้าวตอกทองคำห้อยระย้านั้น มาจากการทำบุญอะไรหนอ” ก็รู้ว่า..ได้ถวายข้าวตอกแด่พระมหากัสสปเถระ  จึงคิดว่า “เราได้สมบัติเห็นปานนี้ เพราะกรรมนิดหน่อยอย่างนี้  เราไม่ควรประมาท  เราจะปฏิบัติกับพระเถระ กระทำสมบัตินี้ให้มั่นคง”  จึงถือไม้กวาด และกระเช้าสำหรับเทมูลฝอยเป็นทองไปกวาด บริเวณของพระเถระ และตั้งน้ำใช้ น้ำฉันไว้แต่เช้าตรู่

พระเถระ เข้าใจว่าภิกษุหรือสามเณรบางรูปมาทำไว้ให้  ในวันที่ 3 เมื่อได้ยินเสียงไม้กวาดและเห็นแสงลอดทางประตู  จึงเปิดประตูออกมาดู และถามว่า “ใคร”  จึงรู้ว่าเป็นลาชเทวธิดา พระเถระได้ห้ามนางลาชเทวธิดาไม่ให้มาทำอีก นางเสียใจมาก เหาะขึ้นไปบนอากาศแล้วร้องไห้

พระศาสดา ประทับในพระคันธกุฎี  ทรงสดับเสียงร้องไห้นั้นแล้ว ทรงแผ่พระรัศมี ดุจประทับนั่งตรัสเฉพาะหน้านางลาชเทวธิดา ว่า “เทวธิดา  การทำความสังวร นั่นเทียว เป็นภาระของกัสสปะบุตรของเรา, แต่การกำหนดว่า  นี้เป็นประโยชน์ของเราแล้วมุ่งกระทำแต่บุญ ย่อมเป็นภาระของผู้มีความต้องการด้วยบุญ  ด้วยว่า การทำบุญป็นเหตุให้เกิดสุขอย่างเดียว ทั้งในโลกนี้   และในโลกหน้า ”

พระองค์ทรงตรัสพระคาถาอีกว่า
ปุญฺญญฺเจ  ปุริโส  กยิรา    กยิราเถนํ  ปุนปฺปุนํ
ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ             สุโข  ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.
  “ถ้าบุรุษพึงทำบุญไซร้,      พึงทำบุญนั้นบ่อย ๆ 
พึงทำความพอใจในบุญนั้น, เพราะการสั่งสมบุญทำให้เกิดสุข”   
หลังจากจบพระธรรมเทศนา นางลาชเทวธิดา ยืนอยู่ในที่สุดทาง 45 โยชน์ ได้บรรลุพระโสดาบัน


กัมมุนา วัตฺตติโลโก



"กัมมุนา วัตฺตติ โลโก"

สัตว์โลกทั้งหลายต้องเป็นไปตามกรรม

 เคยสงสัยกันไหมค่ะ  ทำไมคนเราเกิดมาถึงแตกต่างกัน   บางคนจน  บางคนรวย บางคนอ้วน บางคนผอม บางคนดำ บางคนขาว บางคนเป็นที่รัก  บางคนเกิดไม่เป็นที่รัก บางคนแข็งแรง  บางคนอ่อนแอ  ความแตกต่างนี้ มีสาเหตุมาจากอะไร.. ????

พุทธศาสนา เป็นศาสนาที่ถือการกระทำเป็นใหญ่ สัตว์ทั้งหลายจะดีหรือชั่วย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเอง ไม่ขึ้นอยู่กับผู้อื่น  ไม่ขึ้นอยู่กับวงศ์ตระกูล เพราะการทำดีทำชั่วต้องทำด้วยตนเอง ไม่ใช่มีผู้อื่นมาทำให้ได้ ทำกรรมไว้อย่างไร ก็ต้องรับผลของกรรมนั้น     กรรมที่ทำแล้ว จึงจำแนกสัตว์ให้ไปเกิดในที่ต่างๆกัน   มีกรรมเป็นกำเนิด และกรรมที่ทำแล้วยังจะติดตามไปทุกหนทุกแห่ง จะไม่สูญหายไปไหน

มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมที่ทำแล้วย่อมจะติดตามตนไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน   ถ้าทำกรรมดีก็จะทำให้มีความสุข ความเจริญ  แต่ถ้าทำกรรมชั่ว  กรรมชั่วจะติดตามล้างผลาญให้เป็นทุกข์เดือดร้อนเรื่อยไป ไม่อาจช่วยให้พ้นจากทุกข์ได้  

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว กรรมชั่วแม้แต่เพียงเล็กน้อย ก็ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันจะส่งผลให้เรามีความทุกข์ยาก ลำบาก เหมือนเงาติดตามตนไปตลอดทุกภพทุกชาติ    ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย หากเราทำกรรมดีเราก็ได้รับความสุขความเจริญ กรรมดีจึงเหมือนกัลยาณมิตรที่คอยให้ความอุปการะ และส่งเสริมให้เราประสบแต่ความสุขและความเจริญ  มาสั่งสมความดีกันดีกว่านะคะ

ศาสดาเอกของโลก (๑)

ศาสดาเอกของโลก   (๑)                  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากกิเลสอาสวะ กิจที่จะทำยิ่...